[ กลับไปสารบัญ ]

ภาคที่ ๑,   ตอนที่ ๑

3.  โรงเรียน  Gunnery School,  พ.ศ. ๒๔๖๑ - ๒๔๖๔

 

ปีที่ ๑  มัธยม ๕  (๒๔๖๑)
๘. เข้าโรงเรียนกันเนอรี
๙. อเมริกันฟุตบอล
๑๐. เข้าสมาคมลับ (Fraternity)
๑๑. โรงเรียนหยุดคริสต์มาสขึ้นไปพักที่เมืองบอสตัน
๑๒. หัดเล่นดนตรีสากล
๑๓. โรงเรียนเปิดเทอมฤดูหนาว
๑๔. บาสเกตบอล
๑๕. Easter and Spring Term
๑๖. เบสบอล
๑๗. โรงเรียนปิดเทอมฤดูร้อน
๑๘. โรงเรียนผู้หญิงและประเพณีหนุ่มสาวอเมริกัน
๑๙. หน้าร้อนไปอยู่ Camp Keewaydin
๒๐. เดินทางไกลด้วยเรือ Canoe
๒๑. ได้รับรางวัลในการแข่งขันกีฬาของค่าย

ปีที่๒  มัธยม ๖  (๒๔๖๒)
๒๒. กลับไปอยู่โรงเรียนกันเนอรี
๒๓. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียน
๒๔. เพื่อนเชิญไปพักบ้านเขาในกรุงนิวยอร์ค
๒๕. คนอเมริกันแบ่งชั้นด้วยฐานะการเงิน
๒๖. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งบาสเกตบอลของโรงเรียน
๒๗. ระเบียบการให้เสื้อสามารถนักกีฬา
๒๘. แสดงละครของโรงเรียน
๒๙. ไปทำงานที่ค่ายระหว่างพักหน้าร้อน

ปีที่๓  มัธยม ๗  (๒๔๖๓)
๓๐. เริ่มได้รับเกียรติสูงในโรงเรียน
๓๑. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งเบสบอลของโรงเรียน
๓๒. ทำงานเป็นคนขับรถเจ้าคุณสรรพกิจปรีชา
๓๓. สถานที่ตากอากาศหน้าร้อนชายทะเล Revere Beach
๓๔. เริ่มชอบกับผู้หญิงอเมริกันเป็นครั้งแรก
ปีที่๔  มัธยม ๘  (๒๔๖๔)
๓๕. ได้รับเกียรติสูงสุดในโรงเรียน
๓๖. การเป็น President Student Council
๓๗. การเป็น President AthleticAssociation
๓๘. การเป็น President Senior Class
๓๙. การเป็น President DramaticAssociation
๔๐. การเป็น President Delta BetaSociety
๔๑. การเป็นกัปตันอเมริกันฟุตบอลทีมของโรงเรียน
๔๒. การเป็นผู้จัดการทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน
๔๓. การเป็นผู้จัดการหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน
๔๔. มีชื่อเสียงโดยเป็นคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน และเป็นดาราฟุตบอล
๔๕. การควบคุมนักเรียน
๔๖. นักเรียนโรงเรียนหญิงสมัครเป็น"คนชอบพอ"
๔๗. ไปเที่ยววอชิงตัน และฉลองปีใหม่ ๑๙๒๒ที่ฟิลาเดลเฟีย
๔๘. เป็นผู้ฝึกสอน และเป็นผู้จัดการทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน
๔๙. ได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินการแข่งขันบาสเกตบอลของโรงเรียน หญิง
๕๐. บิดามารดาของเพื่อนได้จัดให้มีงานReception เพื่อเป็น เกียรติยศที่นิวยอร์ค
๕๑. ได้รับเลือกเป็นผู้ที่ "ดี" ที่สุดในโรงเรียน
๕๒. เป็น Hero ของบรรดาหญิงสาว
๕๓. ความเป็นอยู่ของนักเรียนประจำในโรงเรียนนี้
๕๔. รายงานอาจารย์ใหญ่ถึงดูแลนักเรียนไทย
๕๕. ได้รับประกาศนียบัตรจบหลักสูตรของโรงเรียน
๕๖. มิลเดรด
๕๗. สรุปชีวิตที่อยู่ในโรงเรียนกันเนอรี

๘. เข้าโรงเรียนกันเนอรี
ปีที่ ๑
 มัธยม ๕  (๒๔๖๑)

       ราวกลางเดือนตุลาคม (๒๔๖๑) อายุได้ ๑๔ ปี ๕ เดือนเศษ พอหายดีแล้วก็ได้กราบทูลลาทูลกระหม่อมไปอยู่โรงเรียนกินนอนประจำเลยชื่อ The Gunnery School ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ ชื่อวอชิงตัน (ชื่อเดียวกับกรุงวอชิงตัน) ในมลรัฐคอนเนคติกัต เดินทางจากบอสตันวันหนึ่งเต็มๆ จึงจะถึง ต้องเปลี่ยนรถไฟ ๒ ครั้ง คือที่นิวเฮเวนแห่งหนึ่ง และที่แดนบูรีอีกแห่งหนึ่ง เมื่อรถไฟถึงเมืองวอชิงตันในเวลาค่ำ (อันที่จริงจะเรียกว่าเมืองก็เห็นจะไม่ถูก เพราะมีพลเมืองเพียง ๗๐๐ คน และมีฐานะเพียงหมู่บ้าน Village เท่านั้น) ภรรยาอาจารย์ใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีอายุสูงแล้วได้มาคอยต้อนรับข้าพเจ้าที่สถานีแล้วพาขึ้นรถยนต์ขึ้นเขาไปอีกราว ๑ ไมล์จึงถึงโรงเรียน เพราะโรงเรียนตั้งอยู่บนภูเขา โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเก่าแก่มาก มีนักเรียนประมาณ 70 กว่าคน ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง อาจารย์ใหญ่ชื่อ Brinsmade เป็นคนใจดีมาก แต่เวลาสอนภาษาลาตินดุใจหายเหมือนกัน อายุเห็นจะเกือบ ๗๐ ปีแล้ว เป็นลูกเขยของ Mr. Gunn ซึ่งทั้งเป็น Founder และทั้งอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้
        โรงเรียนนี้มีอาคารต่างๆ ดังนี้ . School house เป็นอาคารสองชั้นมีห้องเรียนอยู่หลายห้อง.The Gunn เป็นอาคารใหญ่ซึ่งเป็นที่พักของอาจารย์ใหญ่และครูบางคนเป็นที่รับแขกที่รับประทานอาหารของนักเรียนและครูทั้งหมด และเป็นที่สำหรับเด็กรุ่นเล็กอยู่ .Bartlett Dormitory เป็นอาคารสามชั้น เป็นที่พักนักเรียนรุ่นใหญ่ มีห้องนอนประมาณ ๕๐ ห้อง นักเรียนทุกคนได้อยู่ห้องเดี่ยว มีเตียงสปริง ตู้ใส่เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ พรมเล็ก ฯลฯ แต่ถ้านักเรียนผู้ใดจะสมัครอยู่รวมกันก็ได้ เขาก็ให้สองห้องเปิดติดต่อถึงกันได้ ผู้อยู่ก็ทำเป็นห้องนอนเสียห้องหนึ่งวางสองเตียง อีกห้องหนึ่งทำเป็นห้องนั่งเล่นและท่องหนังสือด้วย การตบแต่งห้องของเด็กนักเรียนอเมริกันนั้นมักจะมี banners คือผ้าสักหลาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีต่างๆ มีชื่อโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือสมาคมต่างๆ ตามสีของแห่งนั้นๆ เพราะทุกมหาวิทยาลัยทุกโรงเรียนทุกสมาคม ต่างก็มีสีประจำทุกแห่ง หรือ Pennants (อย่างเดียวกับ banners นอกจากพื้นสักหลาดเป็นรูปชายธง) ติดตามฝาผนังของห้อง ถ้าเป็นนักเรียนที่ชอบเล่นของแปลกๆ ก็ไปเที่ยวเอาป้ายสาธารณะต่างๆมาติดไว้ เช่นป้ายบอกทางไปส้วม หรือป้ายห้ามจอดรถ ฯลฯ ดูก็ขบขันดี นักเรียนบางคนก็ชอบตัดรูปดาราภาพยนตร์หรือดาราละครมาติดไว้ก็มี และโดยมากโต๊ะเครื่องแป้งเขามักจะมีรูปบิดามารดาหรือคู่รักตั้งอยู่ ชั้นใต้ถุนของตึกนี้มีห้อง Locker สำหรับเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกีฬา และมีห้องอาบน้ำใหญ่ซึ่งใช้อาบน้ำท่อฝักบัว มีทั้งน้ำร้อยน้ำเย็น เวลาอาบน้ำพร้อมๆ กันก็น่าสนุกเพราะทุกคนก็แก้ผ้าแล้วแย่งฝักบัวกันอาบ 4.Infirmary เป็นเรือนเล็กสองชั้นสำหรับนักเรียนเจ็บป่วยได้พักรักษาตัว ๕.Gymnasium สำหรับเล่นบาสเกตบอล หัดกายกรรมและกีฬาอื่นๆ ในฤดูหนาว ชั้นล่างของ "ยิมเนเซียม" เป็น workshop ซึ่งมีอยู่ในหลักสูตรของโรงเรียน ผู้ใดอยากจะสมัครเรียนก็ได้ เป็นวิชาพิเศษทำการฝีมือและเป็นช่างไม้ นอกจากอาคารต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้มีสนามกีฬาขนาดใหญ่สำหรับเล่นฟุตบอลหรือเบสบอลหนึ่งสนาม และมีสนามเทนนิส 3 สนาม
        ไปถึงโรงเรียนใหม่ๆ รู้สึกหงอยมากโดยที่เป็นคนต่างชาติ ภาษาและขนบธรรมเนียมของเขายังไม่ค่อยจะรู้ดี เป็นแต่ทราบว่าชาวอเมริกันมีนิสัยชอบและบูชาคนที่เล่นกีฬาเก่งหรือคนที่มีชื่อเสียงในทางหนึ่งทางใด สองสามอาทิตย์ล่วงไปแล้วจึงค่อยสนิทสนมกันทั่วๆไป อนึ่งในปีนี้ทางผู้ดูแลนักเรียนไทยได้ส่งนักเรียนของกรมรถไฟไปอยู่โรงเรียนนี้อีกคนหนึ่งชื่อนายถวิล คุปตารักษ์ (หลวงถวิลเศรษฐพาณิชยการ)
        วิชาที่เรียนในปีแรกนี้เรียน course ของชั้นมัธยม 5 คือมีภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ลาติน เลข พีชคณิต ตรีโกณมิติ และประวัติศาสตร์ สำหรับเลขต่างๆ รู้สึกว่าทำได้ดีกว่าอื่นๆ
        ทางภาษารู้สึกว่าอ่อนมากเพราะพึ่งไปอยู่อเมริกาได้เพียงปีเดียว พื้นจากเมืองไทยก็เกือบจะว่าได้ว่าไม่มีเสียเลย ยิ่งภาษาลาตินยิ่งงงเพราะเป็นภาษาที่ตายแล้ว แต่ในปีแรกนี้ก็เรียนเพียงไวยากรณ์เท่านั้น ในโรงเรียนนี้ดีอยู่อย่างหนึ่งที่ว่าถ้าเราอ่อนในวิชาใดครูก็ช่วยกวดขันในวิชานั้นให้เป็นพิเศษ
        โรงเรียนกินนอนประจำเช่นนี้ ในประเทศอเมริกามีเป็นจำนวนมากและก็มีความมุ่งหมายที่จะอบรมเด็กเช่นเดียวกับที่ได้เคยกล่าวไว้ เมื่อตอนกล่าวถึงโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ชาวอเมริกันมีผู้มีอันจะกินจำนวนมาก และนิยมการส่งบุตรไปเข้าโรงเรียนกินนอนประจำเช่นนี้จึงต้องมีโรงเรียนชนิดนี้มากๆ โรงเรียนชนิดนี้มีทั้งสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ และทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิงรวมกันก็มี
        ส่วนราคาค่าเล่าเรียนรวมทั้งค่ากินอยู่นั้น มีตั้งแต่ปีละ ๕๐๐ เหรียญ ถึง ๑,๒๐๐ เหรียญเป็นราคาธรรมดา (ปีหนึ่งมีเวลาเรียนเพียง ๘ เดือน) จะมีโรงเรียนพิเศษที่สุดกว่า ๑,๒๐๐ เหรียญก็เห็นจะไม่กี่โรงเรียนนักสำหรับพวกลูกมหาเศรษฐี สำหรับโรงเรียน "กันเนอรี" ที่ข้าพเจ้าอยู่นี้ต้องเสียปีละ ๘๐๐ เหรียญ ในมลรัฐคอนเนคติกัต แมสซาชูเซตส์ และ นิวยอร์ค ซึ่งอยู่ติดๆ กันนั้นมีโรงเรียนกินนอนที่ดีหน่อย หรือที่เรียกว่า exclusive อย่างโรงเรียน "กันเนอรี" นี้อยู่ประมาณสามสิบโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลนักก็รู้จักกันดี เพราะมีการแข่งขันกีฬาต่างๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล เบสบอลอยู่เสมอ นักเรียนผู้ใดเด่นอยู่ในโรงเรียนใด คือกว้างขวางเป็นหัวหน้า นักเรียน หรือว่าเล่นกีฬาอะไรเก่งแล้วโรงเรียนใกล้เคียงจะต้องรู้จักชื่อทั้งสิ้น
        ชีวิตในโรงเรียนประจำวันมีดังนี้ ตื่นเช้าต้องลงไปหัดกายกรรม และเนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาสงครามจึงต้องมีการหัดทหารด้วย เสร็จแล้วอาบน้ำแล้วรับประทานอาหารเช้า สองโมงเช้าเข้าห้องเรียน ตอนเข้าห้องเรียนนี้ต้องร้องเพลง hymn หนึ่งเพลงแล้วก้มหน้าสวดมนต์ให้พระเจ้า (ตอนนี้ขอรับสารภาพอย่างหนึ่งว่า เมื่อข้าพเจ้าไปเข้าโรงเรียนใหม่ๆ ตอนเขาสวดมนต์นี้เห็นเขาก้มหน้าสวดพึมพำ ฟังไม่ออกว่าๆ กระไรบ้างเราก็ทำเป็นทีว่ารู้กับเขาเหมือนกัน ทำปากมุบมิบ แล้วก็มีเสียงพึมพำออกมาด้วย ทำเช่นนี้อยู่เป็นเวลาตั้งนาน จะถามใครให้เขาจดให้ก็ไม่กล้าเพราะเป็นของง่ายๆ ใครๆ ก็ควรต้องรู้ แล้วเราก็ทำพึมพำเป็นเวลานานมาแล้วด้วย ต่อมาอีกตั้งหลายเดือนข้าพเจ้าจับได้ทีละคำสองคำ จึงได้ไปค้นคำสวดมนต์นี้ได้ในสมุดพระคัมภี) เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน บ่ายโมงเข้าห้องเรียน บ่าย ๓ โมงออกจากห้องเรียนแล้วลงสนามกีฬาซึ่งต้องลงทุกคน เสร็จแล้วอาบน้ำ ย่ำค่ำอาหารเย็น ทุ่มครึ่งเข้าห้องเรียนทำการบ้านจนถึงสามทุ่มออก สี่ทุ่มปิดไฟเข้านอน ในวันอาทิตย์ตอนเช้าทุกอาทิตย์ต้องไปวัด
        ศาสนาคริสเตียนนี้แบ่งออกเป็นหลายประเภท และมีหลักการต่างๆกัน เช่น ประเภท Christian Science ที่ข้าพเจ้าเคยไปวัดในกรุงวอชิงตันนั้นก็อย่างหนึ่ง นอกจากนั้นก็มีประเภท Roman Catholic ประเภท Congregational ประเภท Episcopal ฯลฯ เป็นต้น ศาสนาคริสเตียนแต่ละประเภทนี้มีระเบียบการไปวัดและพิธีในวัดคล้ายคลึงกันมาก เว้นเสียแต่ประเภทโรมันคาธอลิค ประเภทนี้แปลกหน่อย คือก่อนเข้าไปในโบสถ์ก็ต้องยกนิ้วมือไปแตะที่หน้าผาก แล้วผ่านไปที่ไหล่ซ้าย แล้วผ่านไปไหล่ขวา ทำอย่างเร็ว เวลาอยู่ในโบสถ์ไม่ว่าจะทำอะไรต้องยกนิ้วมือแตะหน้าผาก แล้วผ่านไหล่ซ้ายขวา เช่นเดียวกับเมื่อจะเข้ามาในโบสถ์ เหมือนกับเรายกมือไหว้พระ เวลาเราอยู่ในวัดคำสั่งสอนของบาดหลวงก็เป็นภาษาลาติน ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ คิดๆไปดูก็คล้ายศาสนาของเรา คือมีสวดเป็นภาษาบาลีไม่ใช่ภาษาไทย แล้วมีพิธียกมือไหว้ในเมื่อจบคำสวดหรือจะทำอะไรในวัด
        สำหรับอาหารการกินโรงเรียนนี้นับว่าดีมากทีเดียว พวกนักเรียนได้รับการเลี้ยงดูอย่างวิเศษ ได้รับประทานอิ่มทั้ง ๓ มื้อ และที่ดีมากที่สุดก็คือมีนมสดมันและอร่อยดื่มตามความพอใจของเราทุกเวลา

๙. อเมริกันฟุตบอล

       การอยู่โรงเรียนกินนอนประจำเช่นนี้ เวลาตั้งแต่บ่ายจนค่ำทุกวัน โรงเรียนเขาบังคับให้ออกกำลังกายโดยการเล่นกีฬา ถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วง (Fall) คือตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนแล้วเป็นฤดูเล่นอเมริกันฟุตบอล อเมริกันฟุตบอลนี้แปลกไปจากฟุตบอลที่เล่นในเมืองไทยเป็นอันมาก มีอันตรายมากกว่ากัน เครื่องแต่งกายสำหรับเข้าเล่นเป็นเกราะหนังแทบทั้งตัว คือศีรษะต้องสวมเกราะหนังอย่างหนาปิดทั้งศีรษะรวมทั้งหูด้วย เปิดเฉพาะด้านหน้า คือ ตา จมูก และปากเท่านั้น หัวไหล่ก็ต้องสวมเกราะหนังจากไหล่หนึ่งถึงอีกไหล่หนึ่ง ท้องก็มีเกราะรอบตัว ขาและเข่าก็มีเกราะ รองเท้าก็มีตะปู
        การเข้าเล่นอเมริกันฟุตบอลนี้ต้องอาศัยใจคอกล้าหาญมาก เพราะต้องชนกัน ดันกัน ตะครุบกันอย่างแรงๆ ข้าพเจ้าได้ไปดูนักเรียนเขาซ้อมเล่นกันแล้วน่าอนาถใจนึกว่าถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่เห็นจะไม่ขอเล่นเกมชนิดนี้ ครูหัดกีฬาได้บอกให้ข้าพเจ้าเข้าไปเล่นด้วย แต่ข้าพเจ้าออกตัวว่าเล่นไม่เป็น เล่นเป็นแต่ฟุตบอลอย่างที่เขาเล่นกันในเมืองไทยซึ่งอเมริกันเรียกว่า Soccer ตาครูก็แสนดี รุ่งขึ้นแกเกณฑ์พวกเด็กขนาดตัวข้าพเจ้าออกมาเล่น "ซอกเกอร์" เจ้าเด็กเหล่านั้นไม่เคยเล่นเกมนี้เลย ข้าพเจ้าเล่นเป็นคนเดียวเลยเก่งอยู่คนเดียววิ่งเลี้ยงลูกเข้าประตูเลย ครูเห็นข้าพเจ้าวิ่งเร็วและว่องไวดีจึงเรียกไปขอร้องให้ลองเล่นอเมริกันฟุตบอล ข้าพเจ้าเกรงเขาจะว่าขี้ขลาดตาขาวจึงรับว่าจะลอง
        รุ่งขึ้นก็เข้ายูนิฟอร์มใส่เกราะออกเล่นเกมนี้เข้าเล่นในทีมชุดเด็ก ก่อนค่ำเขาก็ลองให้เล่นกันจริงๆ ก็พอเล่นไปกับเขาได้ อาศัยที่วิ่งเร็วและหลบไวหน่อย เลยเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้ดีและเป็นฝ่ายชนะ ต่อมาก็เลยคุ้นกับเกมนี้และรักเกมนี้มาก เพราะเล่นได้ดีได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬารุ่นเล็กคนหนึ่ง เพื่อนนักเรียนชอบพอและรักใคร่ขึ้นมาก
        อเมริกันฟุตบอลเป็นเกมที่ชาวอเมริกันนิยมกันมาก ทุกโรงเรียน ทุกมหาวิทยาลัย ต้องมีทีมฟุตบอล และนักเรียนทุกคนที่เป็นนักกีฬาพยายามหัดและฝึกซ้อมเพื่อเข้าอยู่ในทีมให้ได้เพื่อจะได้มีชื่อเสียง ได้มีรูปและเรื่องราวลงหนังสือพิมพ์ ประชาชนรู้จักนักเรียนอื่นๆรักใคร่และบูชา และผู้หญิงชื่นชม ทุกๆวันเสาร์จะต้องมีการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยต่อมหาวิทยาลัย โรงเรียนต่อโรงเรียน อเมริกันฟุตบอลมีทีมละ ๑๑ คน เป็น Lineman ๗ คน คือ Left end, Left tackle, Left guard, Center, Right guard, Right tackle, Righ end และมี Backfield ๔ คน คือ Quarterback, Left halfback, Right halfback, Fullback พวก Linemen ๗ คน ต้องเป็นคนรูปร่างใหญ่และแข็งแรงเพราะต้องคอยดันคอยชนและคอยทำช่องทางให้พวก Backfield ส่วนพวก Backfield ต้องเป็นพวกวิ่งเร็ว หลบไว ไหวพริบดี เตะขว้างลูกเก่ง เพราะเป็นพวกต้องถือลูกบอลนำไปสู่ชัยชนะ ลักษณะของลูกบอลคล้ายลูกรักบี้แต่เล็กและเรียวกว่า สนามฟุตบอลยาว ๑๐๐ หลา กว้าง ๖๐ หลา เวลาแข่งขันกันนั้นฝ่ายใดจะเปลี่ยนตัวคนเล่นโดยเอาคนสำรองเข้าไปแทนก็ได้ วิธีเล่นนั้นยืดยาวมาก ขอยุติไม่เล่าในตอนนี้
        ความนิยมของคนอเมริกันในฟุตบอลเกมนี้มีมาก เวลามีการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นระหว่างมหาวิทยาลัยหรือระหว่างโรงเรียน ก็มีคนดูมาเบียดกันดูเต็มสนามแม้จะต้องเสียค่าผ่านประตูในราคาต่างๆ และบางคนก็เดินทางมาจากที่ไกลๆด้วย ขนบธรรมเนียมของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในเวลาที่มีการแข่งขันนั้น เป็นขนบธรรมเนียมที่เร้าใจคนดูและคนเล่นมาก คือมีการโห่สนับสนุน(เชียร์) ที่เป็นระเบียบของแต่ละฝ่าย ซึ่งแต่ละโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยมีคำโห่พิเศษประจำแห่งนั้นๆ มีผู้ให้จังหวะในเวลาโห่ ทำให้ครึกครื้นขึ้นอีกมาก สำหรับผู้เล่นผู้ใดแสดงได้ดีก็มีการโห่ชื่อผู้นั้นอยู่เสมอ ทำให้ผู้เล่นใจดีขึ้นและตั้งใจพยายามที่จะเล่นให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
        สำหรับ "ซอกเกอร์" นั้น ในอเมริกาไม่สู้จะนิยมกันนักเพราะเห็นเป็นเกมที่เชื่องมาก ข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ก็คือตามโรงเรียนต่างๆ โดยมากไม่มีทีมซอกเกอร์ จะมีก็แต่ในมหาวิทยาลัยบางแห่ง และก็ให้เป็น minor sport เสียด้วย หากจะมีการแข่งขันฟุตบอลเกมและซอกเกอร์เกมในเวลาเดียวกัน และสนามอยู่ติดกันทีเดียวแล้ว ฟุตบอลเกมมีคนดูเต็มสเตเดียมนับแสนคน แต่ซอกเกอร์จะมีคนดูเพียง ๔-๕ คนเท่านั้น การโห่ร้องสนับสนุนก็ไม่มี

๑๐. เข้าสมาคมลับ (Fraternity)

       มหาวิทยาลัยและโรงเรียนในประเทศอเมริกา มักจะมีสมาคมที่เรียกว่า Fraternity (ซึ่งแปลว่า Brotherhood คือเป็นพี่น้องกัน) อยู่แห่งละหลายๆ สมาคม สมาคมเหล่านี้ให้ชื่อเป็นตัวอักษรกรีก ในโรงเรียนนี้มีอยู่ ๓ สมาคมชื่อว่า Delta Beta, Eta Phi และ Beta Theta เป็นขนบธรรมเนียมของเขาที่ว่าพอโรงเรียนเปิดพวกสมาชิกเก่าๆ ก็คอยมองดูนักเรียนที่เข้าใหม่ ถ้าคนไหนดีต่างก็จะแย่งให้เข้าสมาคมของตน และเมื่อผู้ใดได้เข้าไปอยู่ในสมาคมใดแล้วก็ต้องช่วยหลือซึ่งกันและกันดุจพี่น้องร่วมสายโลหิต การได้รับเชิญเข้าสมาคมใดนั้นถือกันว่าเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นคนไม่กว้างขวางแล้วจะไม่มีโอกาสได้เข้าสมาคมเลย วิธีการคัดเลือกสมาชิกใหม่นั้น สมาชิกเก่าทุกคนจะต้องเห็นพ้องด้วย คือใช้วิธีลงคะแนนลับด้วยเม็ดถั่วดำและขาว ถ้าในการเลือกผู้ใดมีเม็ดถั่วดำติดอยู่เพียงหนึ่งเม็ดก็เป็นอันว่าผู้นั้นไม่ได้รับเลือกเข้าเป็นสมาชิก และผู้ใดไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมใดแล้วดูรู้สึกด้อยมาก ไม่ค่อยมีใครเอาใจใส่ด้วยเลย สมาคมทั้ง ๓ นี้ต่างมี Club House สมาคมละหลัง
        พอเข้าโรงเรียนได้ครบ ๖ อาทิตย์ ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายจากสมาคมที่ชื่อ Delta Beta ขอเชิญเข้าเป็นสมาชิก ข้าพเจ้าไม่ค่อยจะทราบเรื่องอะไรนัก เพราะไม่ทราบขนบธรรมเนียมของเขา ไม่ทราบว่า Fraternity นี้คืออะไร และมีประโยชน์อย่างใด แต่เมื่อได้รับเชิญแล้วก็เลยตอบรับว่ายินดีจะเข้าเป็นสมาชิก ต่อมาอีกไม่กี่วันก็ได้รับจดหมายกำหนดวันเข้าเป็นสมาชิกและกำหนดวันที่จะต้องทรมาณตน* (Initiation) การเข้าสมาคมดังนี้เป็นประเพณีที่เขาจะต้องให้ทดลองดูความอดทน และในระหว่างทดลองดูความอดทน ๗ วันนี้มีกฎข้อบังคับที่สมาชิกใหม่ต้องปฏิบัติตามร้อยแปด เช่นสมาชิกเก่าจะใช้ทำอะไรต้องทำทุกสิ่ง การพูดจากับสมาชิกเก่าต้องใช้คำว่า Sir ทุกวัน กินน้ำตาลไม่ได้ ฯลฯ ข้าพเจ้าเคยถูกใช้ให้ขัดรองเท้าของสมาชิกเก่าวันละหลายๆคู่ บางวันสมาชิกเก่าพาลงไปที่สถานีรถไฟซึ่งเป็นที่ชุมนุมชนแล้วให้ลุกขึ้นยืนบนแท่นข้างถนนให้แสดงปาฐกถาเรื่องต่างๆ บางคราวก็ให้เข้าไปขอความรักผู้หญิงที่เดินผ่านมา ซึ่งเธอหันมาค้อนแล้วค้อนอีก คงนึกในใจว่าเด็กคนนี้ทะลึ่งเหลือเกิน ทั้งนี้พวกสมาชิกเก่าก็แอบดูการกระทำของเราอยู่ข้างๆ ถนนนั้นภายใน Club House นั้นถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกจะเข้าไปไม่ได้เลย
        ในระหว่าง Initiation นอกจากจะถูกใช้ให้ทำอะไรต่ออะไรแล้ว พอตกกลางคืนทุกคืน พวกสมาชิกเก่ายังจะต้องพาพวกเข้าใหม่ออกไปเฆี่ยน คือนำไม้พายขนาดเล็กๆ มาตีก้นจนนั่งแทบไม่ได้ ปวดแสบปวดร้อนไปหมด ซึ่งก็เป็นประเพณีของการเข้าสมาคมชนิดนี้เหมือนกัน
        ถึงวันสุดท้ายเป็นวันสำคัญ ซึ่งเขาจะต้องกำหนดให้เป็นวันเสาร์ พอรับประทานอาหารเย็นแล้วก็เริ่มพิธีใหญ่โดยสมาชิกเก่า คือเขาจะต้องผูกตาเราแล้วเฆี่ยนด้วยพายเล็กๆ นั้นด้วยพิธีต่างๆ เช่นให้เราวิ่งไป พอวิ่งผ่านใครคนนั้นก็หวดเต็มที่ หรือไม่ก็ปักเสาเข้าแล้วเอาเชือกผูกบั้นเอวเรา ให้เราวิ่งรอบเสานั้น แล้วสมาชิกเก่าก็ยืนอยู่รอบๆ พอเราวิ่งผ่านก็หวดอย่างเต็มที่ แปลว่าเขาจะเฆี่ยนกันจนเกือบตายก่อน ต่อจากนั้นก็ผูกตาเราแล้วไปทิ้งไว้ในป่าช้า ซึ่งเต็มไปด้วยศพคนตายและเป็นที่มืดและเปลี่ยวมาก ให้เรานั่งอยู่บนที่ฝังศพ แล้วเขาก็สั่งให้นั่งนับไปจนถึงหนึ่งร้อย แล้วให้แก้ผ้าผูกตา ระหว่างเรานับอยู่นั้น เขาก็วิ่งหนีไปซ่อนตัวเสีย พอเรานับถึงร้อยก็เปิดผ้าผูกตา ตอนนี้แทบเป็นลม หัวใจแทบหยุด เพราะไม่เคยเข้าไปอยู่ในป่าช้าเปลี่ยวในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ ความกลัวต้องรีบวิ่งหนีออกมาถนนใหญ่ ซึ่งสมาชิกเก่าเขามาคอยดักตัวอยู่ที่นั่น เมื่อได้ทรมานพอสมควรแล้วเขาก็ผูกตาเราพามาที่ Club House เริ่มพิธีเข้าเป็นสมาชิก โดยอุ้มเข้าไปภายใน Club House ซึ่งดับไฟมืดหมด เสียงฆ้องตีค่อยๆ เป็นระยะ ได้ยินเสียงคนๆ หนึ่งร้องสั่งออกมาโดยเสียงสั่นเครือๆ คล้ายๆ กับผีว่า Bring in the prisoner คือสั่งให้นำนักโทษเข้ามาได้ เขาก็อุ้มข้าพเจ้าไปในห้องซึ่งบุด้วยผ้าดำ เมื่อเขาจับตัวข้าพเจ้าให้ยืนนิ่งแล้วก็มีเสียงคนร้องสั่งสั่นๆ อย่างเดียวกับคราวแรกว่า Unblindfold the prisoner คือให้แก้ผ้าผูกตานักโทษ ก็มีคนมาแก้ผ้าผูกตา ข้าพเจ้าใจหายหมด เพราะดูเหมือนอยู่กับพวกผีห้องสีดำมืด สมาชิกเก่าแต่งกายคลุมด้วยผ้าขาวทั้งตัว เปิดไว้แต่หน้า คนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะหันหน้ามาทางข้าพเจ้า นอกจากนั้นยืนเข้าแถวอยู่ ๒ ข้างข้าพเจ้า ไฟปิดหมด บนโต๊ะข้างหน้าข้าพเจ้า มีหม้อเหล็กใส่แอลกอฮอล์กับเกลือ มีแต่แสงขึ้นมาจากหม้อ คนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะถือเขาควายขนาดย่อมหน่อย กวนแอลกอฮอล์กับเกลือในหม้อเหล็กอย่างช้าๆ แสงแอลกอฮอล์จากในหม้อทำให้เห็นหน้าคนทุกคนขาวซีดเหมือนผี จำใครไม่ได้เลย ไม่ได้คิดเลยว่า แสงไฟจุดจากแอลกอฮอล์ในห้องมืดแล้วทำให้หน้าคนเราขาวซีดเหมือนผี แต่แรกนึกว่าเขาทาหน้าเสียอีก เวลานั้นข้าพเจ้าใจคอเต้นมาก ไม่นึกเลยว่าในชีวิตเราจะได้มาผ่านความตื่นเต้นและความแปลกประหลาดเช่นนี้ เพราะเวลานั้นข้าพเจ้าก็อายุเพียง ๑๔ ปีครึ่งเท่านั้น ไม่เคยได้ทราบหรือได้ยินได้ฟังใครเขาเล่าถึงพิธีเข้า Fraternity นี้เลย ครั้นแล้วคนที่นั่งหน้าโต๊ะก็อ่านความมุ่งหมายของการเป็นสมาชิกให้ฟัง ซึ่งมีข้อความว่าจะได้เป็นสมาชิกร่วมกัน ต้องรักกัน ต้องมีความสามัคคีต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทุกๆทาง จนกระทั่งยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างให้ซึ่งกันและกันได้ และให้สาบานตัวต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ให้จูบหัวกะโหลกควาย ซึ่งถือเป็นของศักดิ์สิทธ์ของสมาคมนี้ เสร็จแล้วเขาก็สั่งให้ผูกตาอีก เสียงฆ้องค่อยๆเป็นระยะก็เริ่มต้นอีก แล้วก็อุ้มข้าพเจ้าออกไปนอกบ้าน เป็นอันเสร็จพิธีการเข้าเป็นสมาชิก นี่จะเห็นได้ว่าพิธีการเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมลับนี้ต้องลำบากตรากตรำมาแต่ต้น และเป็นพิธีที่แปลกมาก และสมาชิกทุกคนถือว่าพิธีนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นความลับเล่าให้ใครฟังไม่ได้ ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวกลับมาที่ Club House คราวนี้เปิดไฟสว่าง พวกสมาชิกเก่าก็รับรองเป็นอย่างดี สอนวิธีจับมือของสมาคม แล้วก็มีเลี้ยงอาหารกันอย่างใหญ่ ตอนนี้รู้สึกปลื้มใจเหลือเกิน เพราะกว่าจะเข้ามาได้ก็เกือบแย่ ความจริงการเข้าเป็นสมาชิกนี้ดีมากทำให้เป็นคนกว้างขวาง นักเรียนและครูตลอดจนประชาชนในเมืองนั้นนับหน้าถือตาขึ้นและได้ติดเข็มสมาชิกแสดงว่าเป็น Fraternity man แล้ว
        Club House ของสมาคมนี้สร้างเป็น Cottage เล็กๆ น่าเอ็นดู มีเฉลียงค่อนข้างกว้างขวางทางด้านหน้า ข้างในมีห้องใหญ่หนึ่งห้อง มี Fireplace มีห้องปานกลาง ๑ และมีห้องน้ำและครัว การตบแต่งภายในสวยพอใช้ เรามีประชุมกันอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และในเวลาว่างๆ เราก็มักจะไปคุยกันที่นั่น วันไหนที่อากาศเย็นหน่อย เราก็จุดไฟใน Fireplace แล้วก็นั่งกันเป็นกลุ่มหน้าเตาไฟนั้น สำหรับงาน Social เช่นการเลี้ยงน้ำชา หรืออาหาร หรือเต้นรำ นานๆจึงจะมีสักครั้ง เนื่องจากทุนของสมาคมมีน้อย
        วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน (๒๔๖๑) เยอรมันประกาศยอมแพ้สงคราม ในอเมริกาเอิกเกริกกันอยู่พักหนึ่ง

๑๑. โรงเรียนหยุดคริสต์มาสขึ้นไปพักที่เมืองบอสตัน

       ราววันที่ ๒๐ ธันวาคม โรงเรียนหยุดเทอม ๓ อาทิตย์สำหรับคริสต์มาส ข้าพเจ้าได้รับลายพระหัตถ์ทูลกระหม่อมแดงว่า ถ้าจะไปบอสตันให้แวะเยี่ยมพวกผู้หญิง คือคุณสังวาลและคุณอุบลที่ฮาตฟอร์ตด้วย การเดินทางจากโรงเรียนข้าพเจ้าไปบอสตันต้องผ่านเมืองนี้อยู่ ข้าพเจ้าได้ไปหยุดแวะเยี่ยมพวกผู้หญิงอยู่วันหนึ่งตามที่ทูลกระหม่อมสั่งมา แล้วก็เลยขึ้นไปพักกับคุณประสบที่เมืองบอสตัน
        เมืองบอสตันเป็นเมืองใหญ่ที่ ๕ ในสหรัฐอเมริกา มีพลเมืองประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ คน เป็นเมืองหลวงของมลรัฐแมสซาชูเซตส์ และเป็นเมืองท่าเรือสำคัญเมืองหนึ่ง เมืองนี้เป็นเมืองเก่าของสหรัฐอเมริกาและเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในทางการศึกษา คือมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอยู่มาก เช่นมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยบอสตัน และ Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.) เป็นต้น แม่น้ำชาลส์แบ่งเขตเมืองบอสตันและเมืองเคมบริดจ์ ในเมืองบอสตันนี้มีโรงละครและโรงหนังใหญ่ๆ หลายสิบโรง มีรถราง ๓ ชั้น คือใต้ดิน (Subway) บนถนน (Street car) และเหนือถนนอีกชั้นหนึ่ง (Elevated train) ร้านขายของมีมากมายทั้งใหญ่และเล็ก วิธีการตั้งของขายให้ชมหน้าร้านนั้น ในประเทศอเมริกานี้เขาทำดีมาก เราได้เดินชมก็เพลินเสียแล้ว
        ชาวจีนในประเทศอเมริกานี้มีเป็นจำนวนมาก เกือบจะว่ามีทุกเมืองจนกระทั่งเมืองเล็กๆ และถ้ามีชาวจีนในเมืองใดแล้วก็ต้องมีร้านอาหารจีน และร้านซักเสื้อผ้า ๒ อย่างนี้เป็นประจำ ชาวอเมริกันชอบทดลองของแปลกๆ จึงชอบรับประทานอาหารจีนเหมือนกัน เฉพาะในเมืองบอสตันมี China town เล็กๆ อยู่ตำบลหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยชาวจีน และมีร้านอาหารจีนอย่างแท้หลายร้าน แต่ที่นักเรียนไทยติดใจกันนักก็คือร้านที่ชื่อ "จอยฮ่องเหลา" เพราะทำอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปูทะเลผัดซึ่งจำชื่อได้ว่าเรียกกันว่า "เชาลงฮา"
        ในระหว่างที่โรงเรียนหยุดและพักอยู่ที่บอสตันนี้ นอกจากได้เฝ้าทูลกระหม่อมแดง และได้พบปะกับเพื่อนคนไทยแล้วก็ได้เที่ยวดูหนัง และรับประทานอาหารจีนเป็นประจำ

๑๒. หัดเล่นดนตรีสากล

       ข้าพเจ้าเป็นคนชอบดนตรีเป็นที่สุด คือเมื่อก่อนออกมาศึกษาวิชาก็ได้เล่นดนตรีไทยเป็นหลายอย่าง ครั้นมาถึงอเมริกาก็สนใจในดนตรีเพลงฝรั่งเป็นอันมาก เพลงฝรั่งนี้แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ประเภทที่ ๑ เป็นประเภทคลาสสิคอย่างหนัก หรือโอเปร่า เพลงชนิดนี้ผู้ที่ไม่สนใจหรือฟัง ไม่เป็น หรือผู้ที่ชอบเพลงชนิดเบาๆแล้ว ไม่สู้จะชอบเพราะฟังไม่ออก แต่ความมุ่งหมายในเพลงชนิดนี้มีมากสำหรับผู้ที่ฟังออกหรือชอบเพลงชนิดนี้ เพราะทำนองของเพลงแสดงความเป็นไปหรือความรู้สึกว่าตอนไหนเป็นรัก-โศก-สนุก-เดินทาง ฯลฯ ๒.ประเภทคลาสสิคอย่างเบา เพลงชนิดนี้มีคนนิยมกันมากเพราะฟังง่าย ทำนองไพเราะ ความรู้สึกก็มีบ้าง และทำนองเพลงฟังบ่อยๆก็ไม่จืดหู ประเภทที่ ๓ ก็คือเพลงสมัยใหม่ ประเภทนี้ยังมีคนชอบมาก เพราะมีชีวิตและเป็นเพลงที่ใช้สำหรับเต้นรำ มีผู้แต่งเพลงมากมาย เพลงจึงเปลี่ยนใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ายอมรับว่าข้าพเจ้าชอบเพลงประเภท ๒ กับ ๓ มาก ส่วนประเภท ๑ นั้น รู้สึกว่าหนักเกินไป เมื่อมีความสนใจในเพลงฝรั่งมากเช่นนี้ จึงได้ตกลงว่าจะต้องหัดเล่นเครื่องดนตรีฝรั่งสักอย่างหนึ่ง และในชั้นต้นนี้ โดยเหตุที่ทุนก็ไม่ค่อยจะมีที่จะซื้อเครื่องดนตรีดีๆ หรือเสียค่าครูสอน จึงได้ซื้อแมนโดลินมาอันหนึ่ง และหัดเล่นด้วยตนเองในเพลงประเภทที่ ๒ และ ๓ ด้วยความสนใจและชอบ ภายในไม่กี่วันก็เล่นได้เป็นอย่างดี
        การฟังเพลงจนถึงมีความพอใจเคลิบเคลิ้มไปกับเพลง หรือมีความเห็นติชมในทำนองของเพลง หรือในตัวผู้แสดงให้ฟังนั้น หมายความว่าผู้ฟังนั้นฟังเพลงชนิดนั้นเป็นแล้ว แต่ถ้าฟังแล้วเห็นว่าเพลางนั้นหนวกหู แสดงว่ายังฟังไม่เป็น ยกตัวอย่างเช่นคนไทยบางคนได้ยินเพลงฝรั่งบ่นว่าหนวกหู หมายความว่าผู้นั้นยังฟังเพลงฝรั่งไม่เป็นหรือว่าผู้ชอบเพลงเต้นรำฟังเพลงคลาสสิคไปบ่นว่าหนวกหูก็หมายความว่าผู้นั้นฟังเพลงคลาสสิคไม่เป็น แต่ถ้าผู้ใดฟังเพลงใดจนถึงได้รับความพอใจ (appreciate) แล้วแปลว่าเขาฟังเพลงนั้นเป็น

๑๓. โรงเรียนเปิดเทอมฤดูหนาว

        ต้นเดือนมกราคมโรงเรียนเปิด ตอนกลับไปโรงเรียนได้แวะเมืองฮาตฟอร์ดอีกตามคำสั่งของทูลกระหม่อมแดง นำข้าวของและจดหมายมาให้พวกนักเรียนผู้หญิง แล้วประทานเงินมาให้พาพวกผู้หญิงไปเที่ยวบ้าง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้น
        เทอมนี้เป็นเทอมฤดูหนาว อากาศหนาวจัด เวลาหิมะตกมากๆ จะมองไปที่ใดก็ขาวสะอาดไปหมด แม้ว่าต้นไม้ก็เป็นสีขาว เพราะหิมะติดอยู่ตามกิ่งไม้ น้ำในบ่อในสระก็กลายเป็นน้ำแข็ง แต่โรงเรียนในประเทศอเมริกาหรือตามบ้านที่พักต่างๆ ก็ตาม มีเครื่องทำความอุ่นทุกห้อง จึงไม่ค่อยจะเดือดร้อนในเรื่องความหนาวเมื่ออยู่ในบ้าน แต่ภายนอกบ้านนั้นช่วยไม่ได้ เราต้องสวมเสื้อผ้าให้เพียงพอ ในฤดูหนาวนี้บางคราวหิมะตกวันยังค่ำคืนยังรุ่งตั้งหลายๆ วัน สูงขึ้นมาเหนือหัวเข่า ต้องสวมรองเท้าบู๊ตจะเดินไปไหนลำบากยิ่ง แต่อากาศหนาวๆนี้ ทำให้เลือดฝาดดีขึ้น คือแก้มแดงปากแดงด้วยธรรมชาติ
        เมื่อข้าพเจ้ายังเด็กๆอยู่ ก่อนไปต่างประเทศเคยชอบรับประทานน้ำแข็งขูดใส่น้ำหวานแล้วใส่นมข้น เมื่อเห็นหิมะตกมากๆและมีลักษณะคล้ายน้ำแข็งขูดจึงนึกว่าเป็นโชคของเราแล้ว คงได้รับประทานของชอบที่อดมานาน ถ้าอร่อยจริงแล้วกินเท่าใดๆก็ไม่หมดไปได้ เหลือกินทีเดียว ลองปรึกษากับคุณถวิลดูก็ลงมติเห็นพร้อมกันว่าควรได้ทดลองเราก็จัดการหานมข้นมา ตักเอาหิมะใส่ถ้วยแก้วแล้วอัดเสียให้แน่น เทนมลงไป แต่พอตักรับประทานก็ผิดคาดหมด เพราะหิมะนี้กร่อยเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เป็นอันใช้การไม่ได้
        ในเรื่องศาสนาคริสเตียนและการไปวัดในวันอาทิตย์นั้น มีข้อความที่น่าจะจดไว้เพื่อความจำ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนนี้นับถือศาสนาประเภท Congregational และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาอาจารย์ใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาอย่างเคร่ง ฉะนั้นแกจึงกวดขันนักเรียนในเรื่องการไปวัดมาก หนีกันไม่ค่อยได้เลย แต่ Service ในวัดมีเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น ภายในเวลานั้นเราต้องร้องเพลง Hymn ๒-๓ เพลง แล้วฟังพระสั่งสอนในเรื่องต่างๆ และในเดือนหนึ่งก็ต้องมีการสมมุติว่าดื่มเลือดพระเจ้าครั้งหนึ่ง ซึ่งใช้น้ำองุ่นหอมหวานดี ข้าพเจ้าอยากดื่มมากๆ น่าเสียดายที่เขาให้เพียง ๒-๓ หยดเท่านั้น เป็นพระฝรั่งนี้อันที่จริงก็สบายดี มีบ้านอยู่ มีเงินเดือน มีลูกมีเมียก็ได้ อาหารก็รับประทานได้ตลอดวัน ต้องระวังตัวแต่ในเรื่องความประพฤติเท่านั้น
        การคมนาคมในฤดูหนาวตามบ้านนอกระหว่างที่มีหิมะอยู่นั้น ชาวอเมริกันนิยมใช้ Sleigh เทียมม้าลากไถไปในถนนต่างๆ บางคืนเดือนหงายพวกนักเรียนเคยขออนุญาตครูเช่า Sleigh ไปเที่ยวในที่ต่างๆ นักเรียนไปด้วยกันหลายคนร้องเพลงกันไปตลอดทางดูก็เป็นชีวิตที่สดชื่นดี เครื่องใช้ในการเดินทางอีกอย่างหนึ่งก็คือสเลด แต่เครื่องใช้ชนิดนี้ใช้ได้แต่ในทางที่ลงเขา ถ้าเป็นเขาชันหรือสูง สเลดนี้ก็จะไหลลงไปได้เร็วมาก ถ้าขับไม่ดีก็เป็นอันตรายได้มากเหลือเกินเพราะไม่มีเครื่องห้ามล้อ อาจชนกับรถยนต์หรือรถม้าที่สวนขึ้นมา หรือถ้าเลี้ยวไม่ได้อย่างใจก็อาจชนต้นไม้ข้างถนนก็ได้ จากโรงเรียนไปในเมือง (หมู่บ้านที่สถานีรถไฟ) ซึ่งต้องลงเขาค่อนข้าชัน ตลอดทางมีระยะประมาณหนึ่งไมล์นั้นในฤดูหนาวนี้นักเรียนที่กล้าๆหน่อย ก็มักจะใช้สเลดนี้เป็นยานพาหนะลงไป

๑๔. บาสเกตบอล

        การกีฬาของโรงเรียนในเทอมฤดูหนาวนี้เปลี่ยนเป็นบาสเกตบอล ซึ่เล่นภายในยิมเนเซียม โรงเรียนนี้มียิมเนเซียมขนาดยาว ๗๐ ฟิต กว้าง ๔๐ ฟิต เป็นขนาดเหมาะสำหรับบาสเกตบอล และเกมนี้เป็นเกมที่สนุกมากสำหรับผู้ดูและผู้เล่น คือเป็นเกมที่ดูง่ายและเร็วทันใจผู้ดู ผู้เล่นต้องว่องไว แน่นอนและโยนลูกแม่น ชาวอเมริกันนิยมเกมนี้มากเหมือนกัน ในทีมหนึ่งๆมีผู้เล่น ๕ คน คือเป็น Forward ๒ คน เป็น Guard ๒ คน เป็น Center ๑ คน ข้าพเจ้าได้ออกหัดเล่น และได้เข้าเล่นในทีมเด็กของโรงเรียน ข้าพเจ้าชอบเกมนี้มาก ในเวลาว่างต้องไปหัดโยนลูกเข้าบ่วงอยู่คนเดียวเสมอจนโยนเข้าได้อย่างแม่นยำ ทั้งยืนนิ่งจากที่ใกล้หรือไกลหรือวิ่งมาแล้วโยนเข้าได้ทั้งนั้น ในวันที่ไม่ได้เล่นบาสเกตบอลก็มักจะไปเล่นสเกตน้ำแข็ง เล่นสเลด สกี หรือเล่นหิมะ คือ ปั้นหิมะเป็นรูปต่างๆ หรือไม่ก็แบ่งพวกกันแล้วขว้างหิมะกัน ฤดูหนาวนี้อากาศมันหนาวจริง แต่ก็สบายดีเหมือนกัน

๑๕. Easter and Spring Term

        ต้นเดือนเมษายน (๒๔๖๒) โรงเรียนหยุดเทอม Easter ๑๐ วัน ได้ขึ้นไปพักที่เมือง
บอสตันอีก ได้ไปพบกับคนไทย ได้ไปดูภาพยนตร์ใหม่ๆ ดีๆ ได้ไปรับประทานอาหารจีนอย่างอร่อยอีก
        ครบกำหนดถึงเวลาโรงเรียนเปิดก็ได้กลับมาโรงเรียน และได้แวะเยี่ยมผู้หญิงไทยที่ฮาตฟอร์ดตามเคย เทอมสุดท้ายนี้เป็นเทอมฤดูใบไม้ผลิ (Spring) อากาศอบอุ่นสบายมาก ใบไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม รู้สึกชุ่มชื่น
        สำหรับต้นฤดูนี้โดยที่อากาศเปลี่ยนจากหนาวมาเข้าร้อน เด็กนักเรียนมักจะครั่นๆตัว และมีความรู้สึกขี้เกียจ ซึ่งการเจ็บป่วยเช่นนี้ชาวอเมริกันเรียกว่า Hay Fever

๑๖. เบสบอล

       การกีฬาประจำฤดูของโรงเรียนเปลี่ยนเป็นเบสบอล ซึ่งเป็นเกมที่ค่อนข้างช้า แต่ชาวอเมริกันก็นิยมกันมาก เกมนี้ในประเทศอเมริกาเป็นเกมที่มีการเล่นเป็นอาชีพกันมาก และผู้เล่นได้ดีก็ได้เงินเดือนกันแพงๆ มีการประมูลซื้อขายตัวคนเล่นกันด้วยราคาแพงๆ ฝ่ายหนึ่งๆ มี ๙ คน คือ Pitcher, Catcher, 1 st Baseman, 2 nd Baseman, 3 rd Baseman, Shortstop และ Fielder อีก ๓ คน ข้าพเจ้าก็ได้เล่นเทนนิส ฤดูนี้เป็นฤดูที่อากาศสบายที่สุดคือ กำลังจะเข้าหน้าร้อน ต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม

๑๗. โรงเรียนปิดเทอมฤดูร้อน

       เดือนมิถุนายน (อายุได้ ๑๕ ปี ๑ เดือน) โรงเรียนปิดเทอมหน้าร้อน ๓ เดือน ข้าพเจ้าสอบไล่ได้ทุกวิชา ก่อนโรงเรียนปิดมีงานประจำปีของโรงเรียนคืองานนักเรียนชั้นสูงสุดรับประกาศนียบัตรของโรงเรียน ประกอบด้วยงาน Alumni Reunion คือพวกนักเรียนเก่ามาเยี่ยมโรงเรียน นี่ก็เป็นประเพณีที่ดีอีก คือบรรดานักเรียนเก่าต่างก็พยายามที่จะมาพบเพื่อนฝูงของตนเมื่อครั้งเป็นนักเรียนอยู่ด้วยกัน บางคนก็อาจจากกันไปโดยไม่ได้พบกันตั้ง ๑๐ กว่าปีก็เป็นได้ ได้มารื้อฟื้นความสนิทชิดเชื้อที่มีต่อกันแต่ครั้งก่อน บางคนก็พาลูกพาเมียมารู้จักกัน ในงานนี้มีการแข่งขันเบสบอลระหว่างนักเรียนเก่ากับนักเรียนปัจจุบันมีเลี้ยงใหญ่ มีเต้นรำ Fraternity Houses ทั้ง ๓ เปิดรับสมาชิกเก่าๆ เป็นงานที่สนุกสนานกันทุกๆคน แต่สำหรับข้าพเจ้าไม่ค่อยจะสนุกเต็มที่ทีเดียวนัก เพราะยังไม่คุ้นกับขนบธรรมเนียมของเขา นอกจากนั้นข้าพเจ้าเป็นคนคิดมากกว่าเป็นคนผิวเหลือง โดยปรกติคนอเมริกันส่วนมากรังเกียจคนต่างชาติต่างผิว ฉะนั้นเขาอาจรังเกียจก็ได้ เช่นการเต้นรำข้าพเจ้าไม่ค่อยกล้าไปขอใครเต้น เกรงใจเขา จะได้เต้นก็ต่อเมื่อผู้หญิงเขามาชวน หรือไม่ก็เพื่อนมาจับตัวไปเต้นกับคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
        เท่าที่ข้าพเจ้าอยู่โรงเรียนนี้มาหนึ่งปี ข้าพเจ้าพึงพอใจมาก คือพอใจในการศึกษาที่ได้รับ พอใจในครูบาอาจารย์และเพื่อนนักเรียนทุกคน เพราะเขาดีต่อข้าพเจ้ามาก พอใจในความเป็นอยู่ทุกๆวัน ในเรื่องอาหารการกินก็ดี เรื่องเล่นกีฬาก็ดีดูพอใจไปหมด และมามีความรู้สึกอย่างแน่ชัดทีเดียวว่า การมาอยู่ในโรงเรียนนี้นั้นไม่เป็นเขาเป็นเราเลย เหมือนอย่างกับอยู่ในครอบครัวใหญ่ๆ ที่มีความรักใคร่สามัคคีกันยิ่งไปกว่าอยู่ในโรงเรียนกินนอน

๑๘. โรงเรียนผู้หญิงและประเพณีหนุ่มสาวอเมริกัน

       ในเมืองวอชิงตันนี้ มีโรงเรียนกินนอนประจำผู้หญิงโรงเรียนหนึ่ง ชื่อ Wykeham Rise อยู่ห่างจาก The Gunnery ประมาณไมล์เศษ เป็นโรงเรียนชั้นสูงเพราะค่าเล่าเรียนแพงมาก นักเรียนสองโรงเรียนนี้ค่อนข้างสนิทกัน เพราะได้มีโอกาสพบกันเสมอ เช่นเวลาโรงเรียนมีแข่งขันกีฬากับโรงเรียนต่างๆ ก็ได้รับเชิญมาให้ดู และเวลามีเต้นรำต่างก็ได้รับเชิญกัน วันอาทิตย์ก็มีโอกาสพบกันเวลาไปวัด
        โดยที่เด็กนักเรียนหญิงและชายอเมริกันทำความรู้จักกันได้ง่าย แล้วต่างฝ่ายต่างก็อยากมี "คู่รัก" หรือ "คนชอบพอ" เพื่อมิให้น้อยหน้าคนอื่น พูดกันง่ายๆ ถ้าหญิงหรือชายคนใดไม่มีเพื่อนต่างเพศแล้วรู้สึกว่าเป็นคนที่อาภัพ และไม่มีใครเขาปรารถนา ทั้งนี้ตั้งแต่อายุ ๑๕-๑๖ ปีขึ้นไป เมื่อการเป็นเช่นนี้จึงเกือบจะเป็นประเพณีของเด็กนักเรียน Gunnery และนักเรียน Wykeham Rise ว่าจะต้อง "คนชอบพอ" กัน ฉะนั้นเมื่อได้มีโอกาสพบกันครั้งแรกแล้วต่างฝ่ายจะต้องเลือกคู่กัน และโดยที่ไม่ค่อยจะมีโอกาสที่จะได้พบพูดจากันได้ นอกจากนานๆ สักครั้ง เวลามีงานเต้นรำ เพราะการมาดูการแข่งขันกีฬาก็ดี หรือการไปวัดในวันอาทิตย์ก็ดี ไม่มีโอกาสได้พูดกันเลย ได้แต่มองกันแล้วก็ยิ้มเท่านั้น ฉะนั้นเด็กนักเรียนเหล่านี้เมื่อเลือกคู่กันแล้ว ก็ต้องใช้วิธีติดต่อกันโดยเขียนจดหมายถึงกัน ต่างฝ่ายต่างก็เขียนถึงกันอยู่ได้ทุกๆวัน สนิทสนมรักใคร่กันด้วยจดหมาย คือยิ่งเขียนถึงกันมากขึ้น ภาษารักในจดหมายก็ยิ่งหนักขึ้น แต่ตัวตนเกือบจะไม่เคยพูดจากันสองต่อสอง นอกจากเวลาเต้นรำ นิสัยใจคอก็ยังไม่รู้จักกัน แต่จดหมายรักโอดครวญกันเสียอย่างเต็มที่ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังไม่เคยรู้จักกันและไม่เคยพูดกันเลย ชั่วแต่มองดูห่างๆ เท่านั้นเมื่อสอบถามได้รู้จักชื่อก็เขียนจดหมายถึงกันเสียแล้ว และในฉบับต่อๆไปก็แสดงความรักกันอย่างเต็มที่ เรื่องเช่นนี้ก็เป็นไปได้ในประเทศอเมริกา
        สำหรับตัวข้าพเจ้าไม่อายใครรับสารภาพว่าไม่มี "คนชอบพอ" กับเขาที่โรงเรียนนี้ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลหลายประการคือ ๑.ยังเป็นเด็กอยู่มาก ๒. ยังไม่รู้จักประเพณีของเขา ๓.เขียนจดหมายรักยังไม่เป็น ๔.นึกอยู่เสมอว่าเราเป็นคนต่างชาติต่างผิว เขาคงรังเกียจที่จะรับเป็น "คนชอบพอ" ของเขา แม้ว่าจะมีผู้ใดกรุณารับก็เกรงว่าพวกเพื่อนๆ นักเรียนหญิงของเขาคงจะดูถูกเขา ว่าหาเด็กฝรั่งไม่ได้ จึงต้องเลือกเด็กผิวเหลือง

๑๙. หน้าร้อนไปอยู่ Camp Keewaydin

       ระหว่างโรงเรียนหยุดหน้าร้อน ๓ เดือนนี้ ผู้ใหญ่ได้จัดการส่งข้าพเจ้าไปอยู่ Camp Keewaydin ที่ Lake Dunmore มลรัฐเวอร์มอนด์ การไปอยู่ค่ายเช่นนี้ก็เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง อยู่ในเต๊นท์ได้อากาศ Outdoor ตลอดเวลา ตื่นเช้า นอนหัวค่ำ เล่นกีฬาต่างๆ ค่ายนี้มีนักเรียนประมาณ ๒๐๐ คน ในอเมริการะหว่างหยุดหน้าร้อนเช่นนี้มีค่ายหลายสิบแห่งสำหรับเด็กนักเรียนไปพัก ผู้ที่มีเงินหน่อยมักจะส่งลูกไป เพราะทำให้เด็กแข็งแรง และไม่เที่ยวเหลวไหลอยู่ในเมือง การไปอยู่ค่ายเช่นนี้ต้องเสียเงินเดือนละประมาณ ๑๐๐ เหรียญ
        Lake Dunmore มีขนาดยาว ๔ ไมล์ กว้างประมาณ ๑ ไมล์ เป็น Lake น้ำจืด น้ำใสสะอาด มีเกาะเล็กเกาะน้อยสวยงามมาก ตรงที่ค่ายนี้ตั้งอยู่มีหาดสำหรับอาบน้ำเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เป็นหาดทรายหรือหาดโคลน แต่เป็นหาดกรวด กิจประจำวันในค่ายก็มีแต่เพียงกินนอนเล่นกีฬาต่างๆ ทั้งบนบกและในน้ำ ไปเดินทางไกล ที่ข้าพเจ้าเกลียดที่สุดก็คือเวลาแตรปลุกเช้ามืดแล้วลงอาบน้ำ เพราะทั้งง่วงและหนาวเหลือเกิน เต๊นท์ที่พักแต่ละเต๊นท์นั้นเป็นเต๊นท์เล็กๆขนาดอยู่ได้ ๔ คน แต่เขาปูพื้นไม่กระดานให้ สำหรับอาหารที่ค่ายนี้ค่อนข้างดีมาก และยังได้ดื่มนมสดทุกเวลาอีกด้วย วันหนึ่งมีการทดลองว่ายน้ำทางไกลข้าม Lake ทางด้านยาวคือ ๔ ไมล์ เด็กทั้งค่ายสมัครเข้าทดลองเพียง ๕ คนเท่านั้น ข้าพเจ้าได้สมัครเข้าทดลองด้วยและเป็นเด็กที่เล็กที่สุด เมื่อตอนจะลงน้ำมองดูระยะทางที่จะว่ายไปเกือบไม่เห็นอีกฝั่งหนึ่ง ใจคอชักไม่ค่อยดีเหมือนกัน แต่อุ่นใจที่ว่าจะมีเรือพายตามพวกเราไปด้วย อายุเวลานั้นราว ๑๕ ปีเศษ ดูกล้าหาญมาก เขาจะทำอะไรเป็นเอากับเขาด้วยคนหนึ่ง ไม่กลัวอะไรเลย แต่เวลานั้นข้าพเจ้าว่ายน้ำได้ทนมาก พอเหนื่อยก็กลับตัวลอยคอยหรือว่ายน้ำท่าตีกรรเชียงไปช้าๆ พอได้กำลังก็ว่ายต่อไปอีก ในจำนวน ๕ คนที่ออกมาจากค่ายด้วยกันนั้นต้องขึ้นเรือตามทางเสีย ๒ คน ถึงที่เพียง ๓ คน รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย เหน็ดเหนื่อยก็จริงแต่ดีใจที่ทำสำเร็จ

๒๐. เดินทางไกลด้วยเรือ Canoe

       ระหว่างอยู่ค่ายนี้ได้ทำ Canoe trip (การพายเรือคะนูเดินทางไกล) สองครั้ง ครั้งหนึ่งไป Lake George ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมากว่าสวยงาม และก็สวยจริงๆเสียด้วย น้ำใสมองเห็นก้นทะเลสาบนี้อยู่ในมลรัฐนิวยอร์ค มีผู้คนมาตากอากาศหน้าร้อนกันมาก มีบ้านหน้าร้อนของพวกเศรษฐีรอบทะเลสาบ และมีโฮเต็ลอีกหลายแห่ง การเดินทางไปมาของพวกเรารวม ๗ วัน คือเดินทางไป ๔ วัน ได้ไปผ่านเมือง Ticonderoga ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และมีป้อมประจำเมือง เพราะที่เมืองนี้เคยเป็นที่สำคัญมีการรบกันตามประวัติศาสตร์ของอเมริกา เราได้ไปชมป้อมนี้โดยตลอด เมื่อถึง Lake George แล้ว เราได้พักที่บนเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ กับโฮเต็ลหรูแห่งหนึ่งเป็นเวลา ๒ วัน ได้ชมพวกผู้มีอันจะกินและพวกเศรษฐีแต่งตัวสวยๆ อวดโชว์กัน ดูเขาเต้นรำอาบน้ำ แข่งเรือเร็ว ฯลฯ ขากลับพายเรือกลับหนึ่งวันถึงสถานที่แห่งหนึ่งแล้วก็ขึ้นรถยนต์กลับค่าย
        เรือคะนูยาว ๑๘ ฟุต ลำหนึ่งนั่งพายกันไป ๔ คน ไปด้วยกันทั้งสิ้น ๘ ลำ การเดินทางต้องผ่านการล่องแก่งซึ่งมีระยะค่อนข้างยาว จึงทำให้สนุกสนานมากนอกจากนั้นยังต้องล่องลงน้ำตกเล็กๆ ซึ่งค่อนข้างอันตรายเพราะโดยมากเรือต้องล่ม เฉพาะตอนล่องแก่งนี้เราได้จัดให้ขนของเครื่องใช้ไปทางรถยนต์ แล้วตัวเราใส่เสื้ออาบน้ำไปกับเรือ รู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนล่องแก่งไม่สู้กระไรนัก พยายามอย่าให้เรือชนหินก็แล้วกัน แต่ตอนลงน้ำตกนั้นผลที่สุดเรือก็ล่ม เราต้องลอยคอไปเกาะที่แห่งหนึ่ง กู้เรือขึ้นแล้วรับของที่ไปทางรถยนต์ลงเรือ เดินทางต่อไป ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าในลำของข้าพเจ้าคือต้องเป็นคนพายท้าย ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าเป็นคนว่ายน้ำเก่ง แข็งแรง และเป็นนักกีฬา แม้ตัวจะเล็กและอายุยังน้อยก็คงจะรับผิดชอบเป็นกัปตันเรือไปได้ อันที่จริงหัวหน้าก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบมากเหมือนกัน คือต้องระวังเรือไม่ให้ไปกระทบหิน เพราะเรือบอบบาง ถ้าโดนอะไรแข็งๆก็อาจแตกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังต้องระวังในเรื่องกำลังคนพาย คือจะไปช้ากว่าลำอื่นไม่ได้ ต้องเร่งให้ทันเขา ถ้าใครเกียจคร้านทำให้เรือเราช้าไปเราก็ต้องเร่งออกกำลังตนเองจ้ำให้ทันเขาให้ได้ การพายเรือไปนี้เหน็ดเหนื่อยก็จริง แต่สนุกสนานไม่น้อย ตื่นเช้าทำอาหารเช้ารับประทานเอง แล้วก็ออกเรือพายไป ถึงกลางวันพักร้อนทำอาหารกลางวัน บ่ายออกเรืออีกพอเย็นเข้าเห็นที่ไหนเหมาะก็หยุดพักทำ อาหารเย็นรับประทานและนอนที่นั่น โดยปรกตินอนกลางแจ้ง ถ้าฝนตกก็กางเต๊นท์หรือนอนใต้เรือ คะนู ทั้งคลองแม่น้ำและทะเลสาบที่เราผ่านน้ำใสสะอาดทั้งสิ้น ที่ๆ เราหยุดพักตามทางนั้นแม้บางแห่งจะไม่มีผู้คนอยู่แต่เราก็ไม่เคยนึกกลัวเลย ราวสัก ๒ ทุ่มหรืออย่างดึก ๓ ทุ่มก็นอนเขละกันอยู่แถวนั้น เช้าก็ตื่นก่อนแสงอรุณ
        สิ่งของที่เอาไปตัวได้นั้นมีถุงคนละใบ ถุงนี้ทำเป็นพิเศษสำหรับเดินทางในเรือแคนู เราเรียกกันว่า Duffle Bag มีขนาดยาวประมาณ ๓ ฟุต ส่วนกว้างขนาดกลมประมาณ ๑ ฟุตผ่าศูนย์กลาง มีที่นอนสำเร็จเล็กๆบางๆ ม้วนใส่ในถุงนี้ได้ นอกจากนั้นก็มีเสื้อผ้าอีก ๒-๓ ชิ้น แปรงสีฟัน สบู่ หวี เป็นอันพอกัน ส่วนของกองกลางก็มีเต๊นท์เล็กๆ เครื่องครัวทำกับข้าวและเครื่องกระป๋อง ซึ่งต้องใช้ในเมื่อหาซื้อของสดไม่ได้
        ครั้งที่ ๒ ไปเมืองควิเบคในประเทศคานาดา หนทางไกลมากประมาณ ๓๐๐ ไมล็ กินเวลาทั้งไปมา ๑ เดือน คราวนี้มีไปเพียง ๔ ลำๆ ละ ๓ คนเท่านั้น หนทางไปต้องขึ้นไปตาม Lake Champlain ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในมลรัฐเวอร์มอนต์ ยาวประมาณ ๑๒๐ ไมล์ เราผ่านเมืองเบอร์ลิงตันเวอร์มอนต์ ขึ้นไปทางเหนือไปเข้าเขตคานาดาที่ Rouses Point เป็นเมืองเล็กๆ แล้วต่อไปก็เข้าแม่น้ำ Richelieu ไปออกแม่น้ำ St.Lawrence หนทางคราวนี้ต้องออก Lake และแม่น้ำใหญ่ๆวันไหนมีคลื่นลมจัดเราก็ค่อนข้างจะอยู่ในที่อันตรายสักหน่อย ในแม่น้ำ St. Lawrence ได้สวนกับเรือเดินมหาสมุทรหลายลำ และได้ผจญภัยหลายคราว เช่นคราวหนึ่งมองไม่เห็นฝั่งเลย ต้องนั่งพายเรือไปตลอดคืน คลื่นใหญ่ด้วยต้องวิดน้ำตลอดทาง มิหนำซ้ำเด็กคนหนึ่งในเรือข้าพเจ้าท้องเสียไม่สบาย ต่อเช้ามืดจึงได้หาทางเข้าฝั่งได้ บางคืนหาที่นอนพักไม่ได้เพราะเป็น Swamp ไปหมด แต่กระนั้นเราก็ต้องหยุดพัก ยุงกัดเสียยิ่งกว่าเมืองไทยอีก การเดินทางคราวนี้ พอเข้าเขตคานาดาต้องพูดภาษาฝรั่งเศสโดยมาก เพราะผู้คนเหล่านี้เป็นพวก French Canadian ทั้งสิ้น บางคืนฝนตกเราก็ต้องไปขออาศัยพวกชาวนาพัก เขาให้ขึ้นไปพักอยู่ในกระท่อมโรงนา นอนบนหญ้าแห้งตื่นเช้าเราก็ขอซื้อนมสดจากเขาซึ่งเขาก็ให้ไปรีดเอาเอง เราต้องพักอย่างนี้อยู่หลายแห่งจนข้าพเจ้าชินกับการรีดนมด้วยตนเอง ออกเดินทางมาร่วม ๓ อาทิตย์จึงได้มาถึงควิเบคซึ่งเป็นเมืองเก่าโบราณ และมีความสำคัญมาแต่เดิมมาก เมืองนี้น่าดูเพราะเป็นเมือง Historical ที่เราเดินทางมาได้ค่อนข้างเร็วหน่อยนั้น เพราะเรือแล่นตามกระแสน้ำบ้างบางตอน เราได้พักเที่ยวดูเมืองควิเบคอยู่ ๒ วันแล้วก็โดยสารเรือใหญ่กลับไปเมืองมอนทรีออล เมืองมอนทรีออลนี้เป็นเมืองใหญ่และสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศคานาดา เราได้พักอยู่ที่เมือง มอนทรีออล ๒ วัน ก็จับรถไฟกลับไปยังค่าย ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองมอนทรีออล และควิเบคในประเทศคานาดา

๒๑. ได้รับรางวัลในการแข่งขันกีฬาของค่าย

       กลับถึงค่ายเขากำลังจะมีการแข่งขันเบสบอล โดยให้ครู ๒ คนเป็นผู้เลือกคนเล่นจากเด็กในค่ายนั้นทั้งหมด ครูคนหนึ่งเคยเห็นข้าพเจ้าจับลูกและขว้างลูกเบสบอลบอกว่าท่าทางดีคงเล่นเก่ง เมื่อตอนให้เด็กในค่ายทั้งหมดเข้าแถวเพื่อครูได้เลือกนั้น ครูคนที่จับสลากได้เลือกก่อน เขาเลือกข้าพเจ้าเป็นคนแรกให้อยู่ในทีมของเขาเดินออกมาจากแถวรู้สึกได้รับเกียรติยศสูงมาก ดูคล้ายๆกับว่าข้าพเจ้าเล่นเก่งที่สุดในบรรดานักเรียนในค่าย ๒๐๐ คนนี้ แต่ก็รู้สึกอายในใจที่ว่าเราไม่เก่งจริง ดูเหมือนจะดีแต่ท่าทาง ในเวลาแข่งขันเขาให้ข้าพเจ้าเล่นในตำแหน่ง Catcher ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญและมีอันตรายมาก เวลาเล่นต้องสวมหน้ากากเหล็ก และใส่เกราะที่หน้าออก หัวเข่าและขา ข้าพเจ้าก็ได้พยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ดูก็ไม่เลวนักเพราะฝ่ายเราเป็นฝ่ายชนะ
        ต่อจากนั้นก็มีการแข่งขันกีฬาอื่นๆ ทั้งบนบกและในน้ำหลายอย่างข้าพเจ้าได้รับเหรียญรางวัลหลายอย่าง เช่นที่หนึ่งวิ่งเร็วระยะทาง ๑๐๐ หลา ที่หนึ่งพายเรือคะนูเดี่ยวระยะทาง ๕๐ หลา ที่สองว่ายน้ำเร็วระยะทาง ๒๕ หลา และอื่นๆอีกหลายรางวัล ทั้งนี้ทำให้นักเรียนในค่ายนี้นับถือและเกรงใจข้าพเจ้ามาก ชื่นชมว่าเป็นนักกีฬาชั้นเยี่ยม ต่อจากนั้นได้ไม่กี่วันค่ายก็ปิด ข้าพเจ้าก็ได้กลับไปเมืองบอสตัน มีความรู้สึกว่าได้ประโยชน์ในการพักหน้าร้อนนี้เป็นอย่างดี ทั้งในทางบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ในทางได้ความรู้ ได้เที่ยวในที่ต่างๆ และได้ทำชื่อเสียงเป็นอย่างดีในการเล่นกีฬาทั้งบนบกและในน้ำ

กลับที่เรี่มต้น

๒๒. กลับไปอยู่โรงเรียนกันเนอรี
ปีที่๒  มัธยม ๖  (๒๔๖๒)

       กลับจากค่ายไปพักอยู่บอสตันไม่กี่วันโรงเรียนก็เปิด (กลางเดือนกันยายน ๒๔๖๒) และ
และได้กลับไปอยู่โรงเรียนกันเนอรีอีก ปีนี้ได้เข้าศึกษาอยู่ในชั้นเทียบมัธยม ๖
        ปีนี้มีนักเรียนไทยมาอยู่ร่วมในโรงเรียนนี้อีก ๒ คน คือนายสระ แสงชูโต (หลวงอุปกร รัฐวิถี) และนายผ่อน ไชยมังคละ ส่วนนายถวิลนั้นได้สำเร็จจากโรงเรียนนี้ และได้ไปเข้ามหาวิทยาลัยบอสตันแล้ว
        นอกจากนี้มีบุตรผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งชือ Enrico Caruso Jr. อายุประมาณ ๑๗ ปี ได้มาเข้าโรงเรียนปีนี้ บิดาเขาเป็นนักร้อง (Opera) ชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงเด่นที่สุดในโลกคนหนึ่ง มีรายได้นับปีละตั้งกว่าล้านเหรียญ แต่ลูกชายเขาเล่าว่าผู้มีรายได้มากๆ อย่างพ่อเขาต้องเสียภาษีให้รัฐบาลอเมริกันตั้ง ๓/๔ ของรายได้ เด็กคนนี้ตอนมาเข้าใหม่ออกจะแสดงตัวหน่อยว่าฉันเป็นลูกคนมีเงินและมีชื่อเสียง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่แปลกในโรงเรียนกินนอนอเมริกัน จะมีหรือจะจนพ่อแม่มีชื่อเสียงอย่างใดไม่สำคัญ ถ้าตัวเองดีนักเรียนก็รักนับถือ ถ้าอวดดีแล้วจะต้องถูกปราบ หลายคราวที่ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารเด็กผู้นี้เพราะเนื่องจากแกมาทำตัวเป็นคนเหนือคนอื่น พวกนักเรียนได้ใช้วิธีปราบอย่างทารุณ เช่นคราวหนึ่งชวนแกไปเดินในเวลากลางคืน แล้วไปในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีน้ำมันยางที่เขาจะทำถนน พวก นักเรียนจับผู้นี้แก้ผ้าหมดแล้วเอาน้ำมันยางอันเหนียวนี้ทาตัวทั้งตัว แล้วก็หนีกลับ แกต้องเดินแก้ผ้าดำเมี่ยมกลับมาโรงเรียนในถนนที่เปลี่ยว แล้วมาอาบน้ำอีกหลายชั่วโมงกว่าจะอาบน้ำมันยางนั้นออกหมด ในเตียงนอนของแกระหว่างผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มนอนนั้นถูกนักเรียนเอาไข่เน่าไปวางไว้บ้าง ถูกโรยผงซึ่งทำให้คันตัวบ้าง ฯลฯ ภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ต่อมา ผู้นี้เรียบร้อยขึ้นมาก หมดความเยอหยิ่งจองหองและอวดดีต่อจากนั้นก็ไม่ต้องถูกแกล้งอีก
        ตัว Enrico Caruso (พ่อ)ได้แต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันตระกูลดี เป็นพี่สาวของเพื่อนนักเรียนข้าพเจ้า ซึ่งเราอยู่สมาคม Fraternity เดียวกัน

๒๓. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียน
(รูปภาพ)

       โรงเรียนเปิดคราวนี้ได้ออกเล่นอเมริกันฟุตบอลอย่างเต็มที่ จนได้เข้าเล่นในทีมหนึ่งในโรงเรียน โดยอายุน้อยที่สุด ตัวเล็กและเบาที่สุดในทีม ได้เข้าแข่งขันกับโรงเรียนต่างๆ หลายโรงเรียน ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำแต้มให้โรงเรียนข้าพเจ้าเสมอ จนมีคนจำนวนมากในมลรัฐนั้นรู้จักชื่อ เวลาเล่นเกมกับโรงเรียนอื่นมีนักเรียนหญิงจากโรงเรียน Wykeham Rise และคนในเมืองมาดูกันมาก ทำให้ใจชื้นและพยายามเล่นให้ดี หนังสือพิมพ์ต่างๆได้ลงชมเชย จิตใจของข้าพเจ้าเวลานั้นชักจะเป็นเด็กอเมริกัน คือจดจ่ออยู่แต่การที่จะเป็น Hero เช่นฤดูฟุตบอลนี้มีการแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆ ทุกๆ วันเสาร์ ประมาณ ๗-๘ โรงเรียน ในคืนวันศุกร์ข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับ คิดแต่ว่า พรุ่งนี้เราจะแสดงได้ดีสักเพียงใด เราจะมีโอกาสนที่จะนำลูกฟุตบอลผ่านอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยวิธีใดบ้าง แม้ในบางคราว ถ้าความสามารถไม่พอขอให้ "ฟลุ๊ก" ก็เอาดี แต่เราต้องชนะ เราต้องเป็น Hero แม้จะต้องฝ่าอันตรายอย่างใดก็ตาม
        การได้เข้าเล่นอยู่ในฟุตบอลทีมนี้เป็นที่น่าภาคภูมิใจ เพราะนักเรียนทุกคนพยายามอย่างมากที่จะเข้าอยู่ในทีมเพื่อชื่อเสียงของตน แต่เราต้องดีกว่าคนอื่น ทั้งนี้ต้องทำงานหนักมาก ต้องฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกๆวันต้องวิ่งวันละหลายๆ รอบสนาม ต้องซ้อมขว้าง เตะ รับลูกบอล ต้องซ้อม tackle คือมีหุ่นแกว่งมาเหมือนคนวิ่ง แล้วเราวิ่งเข้าไปใกล้ กระโดดพุ่งตัวเข้าไปรัดขาตอนเหนือเข่าของหุ่นนั้น ให้หุ่นนั้นล้มฟาดลงไปกับตัวเรา บางคราวก็ต้องซ้อม tackle คนจริงๆ คือปล่อยคนถือลูกบอลวิ่งมาเหมือนอย่างเวลาเล่น แล้วเราวิ่งรี่เข้าใส่ กระโดดพุ่งตัวเข้าไปรัดขาตอนเหนือเข่าเช่นเดียวกัน ให้ล้มไปกับเราด้วย และยังต้องซ้อมแย่งลูกบอล คือโยนลูกบอลไปแล้วต่างคนก็วิ่งเข้าไป พอใกล้ลูกบอลก็ต้องพุ่งตัวลงไปกับดิน เพื่อกอดลูกบอลเอาไว้ให้อยู่ ดังนี้เป็นต้น เหน็ดเหนื่อยกันมาก ครูสอนฟุตบอลนี้ก็ต้องหัดพวกเราอย่างจริงจังต้องไปคิดว่าควรจะเล่นอย่างใด วิธีใดบ้าง จึงจะได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะถ้าโรงเรียนเราชนะมากครั้งชื่อเสียงก็ไปได้ดีกับครูฝึกสอนเหมือนกัน การซ้อมนี้นอกจากจะซ้อมกันในสนามแล้วบางเวลายังจะต้องฟังคำสอนในห้อง ชี้แจงถึงการเล่นต่างๆ บนกระดานดำอีกด้วย
        การเล่นอเมริกันฟุตบอลนี้แต่ละฝ่ายต้องมี team work กันมากที่สุด เพราะทุกๆ play ที่เล่น ทุกคนในทีมนี้มีหน้าที่โดยเฉพาะว่าใน play นั้นจะต้องทำอะไรบ้างและต้องทำอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นก็ไม่ทันอีกฝ่ายหนึ่ง และถ้าคนหนึ่งคนใดทางฝ่ายเราไม่ทันเขาแล้ว ทำให้คนอื่นๆ ทางฝ่ายเราต้องเสียเปรียบด้วย
        การแข่งขันกับโรงเรียนอื่นนั้นได้มีกันที่สนามโรงเรียนเราบ้าง และสนามโรงเรียนเขาบ้าง ถ้ามีที่สนามโรงเรียนเราแล้ว การที่โรงเรียนอื่นเขามาแข่งขันด้วย เราต้องออกค่าใช้จ่ายให้เขาตามสมควร เราต้องเลี้ยงอาหารกลางวัน และเมื่อแข่งขันเสร็จแล้วเราก็เลี้ยงอาหารเย็น แล้วเขาก็เดินทางกลับซึ่งโดยปรกติใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ในเวลาแข่งขันนั้นนักเรียนของเราทั้งหมดจะต้องไปนั่งรวมเป็นหมู่ เพื่อทำการเชียร์สนับสนุนให้ผู้เล่นสำหรับตัวข้าพเจ้าปีนี้เป็นปีแรกที่ได้เข้าเล่นแข่งขันกับโรงเรียนต่างๆ เวลาก่อนลงมือแข่งขันรู้สึกใจคอไม่สู้ดี คือตื่นสนามและตื่นคนดูเป็นที่สุด แต่เมื่อลงมือเล่นแล้ว เล่นเต็มที่ไม่นึกถึงอะไรเลย

๒๔. เพื่อนเชิญไปพักบ้านเขาในกรุงนิวยอร์ค

       กลางเดือนธันวาคม (๒๔๖๒) โรงเรียนหยุดคริสต์มาส เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งชื่อ Frederic N.Melius Jr. ได้เชิญข้าพเจ้าไปพักที่บ้านของเขาที่เมืองนิวยอร์ค บิดาเขาเป็น Superintendent ของ New York Central Railroad ซึ่งเป็นตำแหน่งใหญ่โตอยู่บ้านเป็น Apartment House มีจำนวนหลายห้อง ทั้งครอบครัวใจคอดีมาก รักใคร่ชอบพอกับข้าพเจ้าดุจพ่อแม่พี่น้องทีเดียว ทั้งครอบครัวมีพ่อแม่และลูกชาย ๒ คน ได้รับรองให้ความสนุกต่อข้าพเจ้าตลอดเวลาที่ไปพักอยู่ เมืองนิวยอร์คเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา หรือชาวอเมริกันว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีพลเมืองหลายล้านคน ท่าเรือใหญ่ที่สุดมีตึกสูงที่สุดในโลก และมีตึกสูงๆ หลายร้อยตึก มีโรงหนังโรงละครใหญ่ที่สุด และมีจำนวนนับพัน มีโรงแรมใหญ่และหรูที่สุด มีรถราง ๓ ชั้น คือใต้ดิน (Subway) บนถนน (Street Car) และเหนือถนน (Elevated train) มีสถานีรถไฟใหญ่ที่สุดมีจำนวนหลายสิบรางเข้าสถานีทำเป็นสองชั้น ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีอะไรต่ออะไรใหญ่และดีที่สุดในโลกทั้งนั้น รวมทั้งตลาดการเงินก็สำคัญที่สุด ในเมืองนี้มีผู้คนพลุกพล่านน่าเวียนหัว คนเดินก็เร็วรถยนต์วิ่งไปวิ่งมาก็เร็ว เวลาเป็นเงินเป็นทอง
        ข้าพเจ้าได้ไปดูละคร ดูภาพยนตร์ในโรงใหญ่ๆ ซึ่งภายในโรงนั้นงดงามมากเหมือนอย่างพระที่นั่งงามๆ ของเรา บางแห่งเป็นหินอ่อน มีพรมอย่างดีนุ่มและหนาปูทั้งโรง เก้าอี้นั่งแสนสบาย ได้ไปชมสถานที่สำคัญต่างๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งได้ขึ้นไปบนยอดตึก Woolworth ด้วย ตึกนี้มี ๕๕ ชั้น พอโผล่เข้าไปชั้นล่างก็เห็น "ลิฟท์" หลายอัน และอันกลางนั้นเป็น "ลิฟท์" "ด่วน" (Express) คือขึ้นทีเดียวถึงยอดเลยไม่หยุดตามทาง พอเข้าไปแล้วเขาปิดประตู แล้วเราก็เหาะขึ้นไปอย่างน่าใจหาย คือมันขึ้นเร็วเหลือเกิน ๕๕ ชั้น เพียงอึดใจเดียวก็ถึงบนยอด มองดูกรุงนิวยอร์คใหญโตและงามมาก มองดูคนเดินบนพื้นดินเห็นตัวนิดเดียวคล้ายๆกับมด ขาลง "ลิฟท์" ก็ลงเร็วอย่างใจหายเหมือนกัน ความเร็วรู้สึกตัวลอยลงมาและท้องมาอยู่ในหน้าอก หูอื้อหมด อึดใจเดียวก็ถึงข้างล่างเหมือนกัน รถรางใต้ดินมีถึง ๔ ราง คือรถรางธรรมดาขึ้น ๑ ล่อง ๑ รถด่วนขึ้น ๑ ล่อง ๑ คนอเมริกันความที่ใจเร็วและเห็นเวลาเป็นเงินเป็นทอง เขาเล่ากันว่า คนอเมริกันคนหนึ่งไปรับคนอังกฤษซึ่งไม่เคยไปอเมริกาเลยที่ท่าเรือเมืองนิวยอร์ค แล้วก็พาไปขึ้นรถใต้ดิน ซึ่งสถานีตรงท่าเรือนั้นรถด่วนไม่หยุด ต้องขึ้นรถธรรมดา ไปได้หนึ่งสถานีก็ถึงสถานีที่รถด่วนหยุดเขาก็ฉุดคนอังกฤษเบียดคนแน่นเข้าไปขึ้นรถด่วน รถด่วนแล่นไปได้หนึ่งสถานีซึ่งมีระยะทางยาวหน่อยเขาก็ฉุดคนอังกฤษเบียดคนไปขึ้นรถธรรมดาอีก แล้วก็ถึงที่บ้าน ระหว่างฉุดกันไปฉุดกันมานั้น คนอังกฤษก็แปลกใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนรถบ่อยนัก เพราะรถธรรมดาก็มาถึงสถานีนี้เหมือนกัน จึงถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนรถอย่างนี้ คนอเมริกันอธิบายให้ฟังว่า การทำเช่นนี้เราประหยัดเวลาได้ถึง ๒ นาที คนอังกฤษได้ยินเข้าเกือบเป็นลม เพราะถูกฉุดกันไปฉุดกันมาและเบียดคนแทบแย่เพื่อประหยัดเวลา ๒ นาทีเท่านั้น
        ถนนที่สำคัญที่สุดก็คือ Broadway และ 5th Avenue สำหรับ Broadway นั้น เต็มไปด้วยโรงละครและโรงภาพยนตร์ ในเวลากลางคืนแล้วแสงไฟสีต่างๆ พรึบไปหมด สวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหน เพราะการแจ้งความต่างๆ ใช้ไฟทั้งนั้น ส่วนผู้คนก็พลุกพล่านอย่างกับมดตลอดเวลา ไม่ทราบจะเล่าอย่างใดได้จึงจะเหมือนกับของจริง 5th Avenue ก็เต็มไปด้วยร้านขายของหรูๆ ต่างๆ

๒๕. คนอเมริกันแบ่งชั้นด้วยฐานะการเงิน

       คนอเมริกันส่วนมากเป็นพ่อค้า ไม่ใช่รับราชการอย่างในประเทศเรา ฉะนั้นการแบ่งชั้นวรรณะของคนจึงแบ่งฐานะกันด้วยมีความจน หรือความรุ่งเรือง และความอัตคัดในทางการเงิน พวกหรูที่สุดในอเมริกาก็คือพวกมหาเศรษฐี สำหรับพวกนี้ไม่ใช่มีอิทธิพลแต่ทางการเงินเท่านั้น แม้ในทางการเมืองและทางอื่นก็มีอิทธิพลด้วยใครๆ ก็เกรงใจ เพราะก็เป็นสุภาษิตของคนทั่วโลกในขณะนี้ว่าเงินพูดได้ จะต้องการอะไร เงินช่วยจัดการให้เสร็จ แม้ในบางคราวจะไม่สำเร็จเต็มถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็สำเร็จได้ตั้ง ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ความสุขส่วนตัวของพวกนี้มีมาก มีบ้านใหญ่โตหรูหราในเมือง ถึงฤดูร้อนก็มีบ้านตากอากาศชายทะเล หรือบ้านบนภูเขาแถบใต้ มีคนใช้หลายคน มีรถยนต์ชนิดวิเศษหลายคัน แม้บรรดาคนใช้ก็มีรถยนต์ส่วนตัวของเขา มีเรือยอร์ชขนาดต่างๆ พวกมหาเศรษฐีเหล่านี้มีรายได้ปีละหลายล้านเหรียญ เราเคยคิดกันเล่นสนุกๆ ว่าท่านพวกเหล่านี้หายใจเข้าออกทีหนึ่งก็มีรายได้หลายร้อยเหรียญ
        พวกถัดต่อไปก็คือพวกเศรษฐีธรรมดา พวกนี้มีบ้านปานกลาง มีคนใช้เพียงหนึ่งคนหรือสองคน ไม่มีบ้านสำหรับตากอากาศอย่างพวกที่หนึ่ง เวลาไปตากอากาศอาจไปเช่าบ้านหรือพักโฮเต็ล ไม่มีเรือยอร์ช แต่อาจมีรถยนต์ได้ ๒-๓ คัน เพราะรถยนต์ในอเมริการาคาไม่แพง พวกนี้ก็สบายมาก
        พวกที่ ๓ คือพวกพอมีอันจะกินชั้นหนึ่ง พวกนี้อาจมีบ้านขนาดย่อม หรือไม่ก็เช่าบ้าน หรือเช่า Apartment ที่ดีขนาดหลายห้องหน่อย ถ้ามีคนใช้ก็ใช้พวกแขกดำราคาค่าจ้างค่อยถูกหน่อย หรือไม่ก็ว่าจ้างคนใช้เป็นคราวๆ เช่นให้มาวันเว้นวัน หรืออาทิตย์ละ ๒ ครั้ง การมีคนใช้แขกดำนั้นเสียอย่างเดียวคือกลิ่นตัวแกแรงมาก โผล่เข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นเหม็นเขียวเสียแล้ว ฝรั่งบางคนทนกลิ่นนี้ไม่ค่อยได้ สำหรับชั้นนี้รถยนต์ก็ต้องมีแต่ขับเอง
        พวกที่ ๔ คือพวกพอมีอันจะกินชั้นสอง พวกนี้มีรายได้พออยู่ได้อย่างสบายไม่มีเหลือมากนัก พวกนี้มักเช่า Apartment อยู่ ทำอะไรด้วยตนเองทั้งสิ้น คือทำอาหารเอง ปัดกวาดเอง แต่การทำอะไรต่ออะไรในอเมริกานี้สะดวกมาก เพราะเมื่อเป็นธรรมเนียมของเขาดังนี้แล้ว เขาก็ต้องจัดทำให้สะดวก เช่นอย่างห้องครัวใน Apartment มีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเครื่องไฟฟ้าพร้อมหมด เปิดสวิชไฟ ฉุกฉักก็ทำกับข้าวได้ทุกอย่าง ทั้งหุงทั้งทอด ปิ้งหรืออบ ไม่ต้องหาฟืนหาถ่าน แล้วมานั่งติดไฟคอยพัดอย่างในเมืองไทยห้องน้ำก็มีท่อน้ำร้อนน้ำเย็นผสมได้ตามความพอใจทุกเวลา การปัดกวาดผงก็มีเครื่องไฟฟ้าดูดผงได้ การจ่ายตลาดก็ไม่ต้องไปเอง ต้องการอะไรโทรศัพท์ไปที่ร้านจ่ายเครื่องอาหารประเดี๋ยวเดียวก็มาส่งถึงที่ การซักฟอกก็มีคนมาคอยรับคอยส่ง การล้างชามก็มีเครื่องจักรในครัวล้างชามให้เสร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างสะดวกด้วยประการทั้งปวงไม่ต้องมีคนใช้ พวกนี้ก็มีรถยนต์ใช้เหมือนกัน และมีความสนุกสนานทางด้านชีวิตได้มากเหมือนกัน เช่นการเที่ยวดูละคร ดูภาพยนตร์ และเต้นรำ
        พวกที่ ๕ เป็นพวกที่จนหน่อย การกินอยู่ค่อนข้างอัตคัด ต้องอยู่กันอย่างเขียมมาก ความสนุกสนานมีน้อย
        พวกที่ ๖ คือพวกที่จนมาก หรือในอเมริกาเรียกว่า Slum พวกนี้น่าสงสารการกินอยู่อัตคัดมาก ที่ทางสกปรก อยู่กันแน่น เช่นเช่าห้องเดียวกันอยู่ทั้งครอบครัวทั้งกินนอน ทำกับข้าว อาบน้ำ แต่งตัว ทำภายในห้องเดียวห้องนั้นทั้งหญิงชาย ถ้าต้องปิดบังกันหน่อย เช่นแต่งตัวหรืออาบน้ำก็ใช้ม่านบัง การอาบน้ำก็อัตคัด อาทิตย์หนึ่งจะได้อาบสักครั้ง ตักน้ำขึ้นมาถังหนึ่งก็อาบกันแทบทั้งครอบครัว พวกนี้ความสนุกสนานไม่มีเลย อยู่ประทังชีวิตไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น รู้สึกว่าเกิดมาเป็นพวกนี้แล้วอย่าเกิดมาเสียเลยดีกว่าคนจนมากๆในอเมริกานี้เดือดร้อนมากกว่าคนจนในเมืองไทยมาก เพราะต้อง ต่อสู้ชีวิตอยู่ไปวันหนึ่งๆ เมืองไทยเรายังอาศัยวัดพักอยู่ได้ อาหารก็พอขอเขากินได้บ้าง

๒๖. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งบาสเกตบอลของโรงเรียน

        ต้นเดือนมากราคมโรงเรียนเปิดเทอมฤดูหนาว กลับไปโรงเรียนได้พยายามเล่นบาสเกตบอล จนได้เข้าเล่นในทีมหนึ่งของโรงเรียนได้อีก ทั้งๆ ที่ตัวเล็กที่สุด เบาที่สุด และอายุน้อยที่สุด นับว่าได้ทำชื่อเสียงให้คนไทยไว้เป็นอย่างดี ได้เข้าแข่งขันกับโรงเรียนต่างๆ หลายโรงเรียน การแข่งขันบาสเกตบอลกับโรงเรียนอื่นๆ นั้น มีบ่อยคือนอกจากบ่ายหรือกลางคืนวันเสาร์แล้วอาจมีในคืนหนึ่งคืนใดก็ได้ ที่มีการเข่งขันได้บ่อยเพราะโรงเรียนได้กำไร คือเก็บค่าผ่านประตูได้มาก คุ้มค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้โรงเรียนอื่นเดินทางมาเล่นกับเรา สังเกตดูว่าทั้งฟุตบอลและบาสเกตบอลคนดูอยากดูข้าพเจ้าเล่นมาก เพราะเป็นคนต่างชาติ ตัวเล็ก และว่องไว บางคนเดินทางมาจากที่ไกลๆเพื่อ มาดู
        การซ้อมบาสเกตบอลนี้ข้าพเจ้าชอบมากกว่าการซ้อมฟุตบอลมาก แม้ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยต้องวิ่งตลอดเวลา แต่ก็สนุกแล้วเจ็บตัวน้อยด้วย การซ้อมฟุตบอลต้องเจ็บตัวมากทุกวัน ในเวลาแข่งขันก็มีคนมาดูกันแน่นๆ เสมอ บางเกมนักเรียนหญิงจากโรงเรียน Wykeham Rise ก็ได้มาชมด้วย การโห่สนับสนุนก็มีเช่นเคย เวลาเราแสดงได้ดีเขาก็โห่แต่ชื่อเราบ่อยๆ การได้เข้าเล่นในทีมบาสเกตบอลนี้ยิ่งยากไปกว่าฟุตบอลทีมอีก เพราะทีมมีเพียง ๕ คนเท่านั้น และต้องการคนที่ว่องไวที่สุดและโยนลูกแม่นด้วย ถ้าเป็นคนสูงหน่อยก็ยิ่งได้เปรียบ เราทั้งเตี้ยและเล็ก แต่อาศัยที่ไวและโยนลูกแม่น และรู้ทางเล่นของเกมนี้จึงเล่นได้ดี ถึงตอนนี้ คือได้เข้าเล่นทั้งในทีมฟุตบอลและบาสเกตบอลเพื่อนนักเรียนและครูรักใคร่ขึ้นมาก คือเห็นเป็นนักกีฬาชั้นเยี่ยม และในการแข่งขันเกมเหล่านี้ข้าพเจ้ามีส่วนทำชื่อเสียงให้โรงเรียนและทำประโยชน์ด้วย คือมีส่วนทำความชนะให้โรงเรียน ถ้าโรงเรียนใดมีทีมดีชนะเสมอในปีต่อๆ ไปก็มักจะมีนักเรียนใหม่มาเข้าอีก เพราะเห็นว่าโรงเรียนนี้เก่ง

๒๗. ระเบียบการให้เสื้อสามารถนักกีฬา

       มหาวิทยาลัยและโรงเรียนในประเทศอเมริกา มีระเบียบในการให้เสื้อสามารถสำหรับผู้ที่ได้เข้าอยู่ในทีมของมหาวิทยาลัย หรือทีมของโรงเรียน คล้ายคลึงกันทุกแห่งคือเสื้อสเวตเตอร์ตามสีของโรงเรียน มีตัวหนังสือย่อชื่อโรงเรียนติดที่หน้าอกเสื้อสำหรับกีฬาใด เสื้อสีอะไร ตัวหนังสือสีอะไร แบบใด ขนาดกี่นิ้วนั้นก็เป็นไปตามกฎข้อบังคับของมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนนั้นๆ เช่นโรงเรียน Gunnery นี้ สำหรับผู้ที่อยู่ในทีมฟุตบอลอนุญาตให้สวมเสื้อสเวตเตอร์สีแดงเข้ม (Maroon) มีตัวหนังสือตัว G ขนาด ๘ นิ้ว สีเทาแกมขาว (Light Gray) ติดที่หน้าอกเสื้อ สำหรับผู้เล่นอยู่ในทีมบาสเกตบอลอนุญาตให้สวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาว มีตัวหนังสือตัว G เป็น Old English Style สีแดงเข้มขนาด ๘ นิ้วติดที่หน้าอกเสื้อ ส่วนผู้ที่เล่นอยู่ในทีมเบสบอลอนุญาตให้สวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวมีตัวหนังสือตัว G สีแดงเข้มขนาด ๖ นิ้วติดที่หน้าอกเสื้อ เวลาเราอยู่โรงเรียนสวมเสื้อสเวตเตอร์ตามที่เขาอนุญาตนี้ได้ทุกเวลา รวมทั้งเวลาเรียน มีเวลารับประทานอาหารและเวลาไปวัดเท่านั้นต้องสวมเสื้อชั้นนอก ลงไปในเมืองเช่นไปตัดผมหรือดูหนังหรือธุระอื่นๆ สวมสเวตเตอร์นี้ก็โก้ดีเหมือนกัน แสดงให้คนในเมืองหรือผู้ใดที่เห็นเราทราบว่าเราเป็นนักกีฬาเล่นอยู่ในทีมของโรงเรียน

๒๘. แสดงละครของโรงเรียน

       ต้นเดือนเมษายน (๒๔๖๓) โรงเรียนหยุด Easter Vacation ได้ขึ้นไปพักที่เมืองบอสตันกับคุณประสบ และได้แวะเยี่ยมผู้หญิงไทยที่เมืองฮาตฟอร์ด โรงเรียนปิดเพียง ๑๐ วัน ได้ไปพบเพื่อนนักเรียนไทย ได้ไปดูละครและภาพยนตร์ ไปรับประทานอาหารจีนเช่นเคย ครบกำหนดเวลาก็กลับโรงเรียน
        เดือนมิถุนายนโรงเรียนปิดฤดูร้อน ๓ เดือน ข้าพเจ้าสอบไล่ได้ทุกวิชา ก่อนโรงเรียนปิดมีงานแจกประกาศนียบัตรนักเรียนชั้นสูงสุด และ Alumni Reunion เช่นเคยเพราะเป็นงานประจำปี นักเรียนเก่ามาเยี่ยมโรงเรียนกันมาก มีการเลี้ยงอาหาร มีเต้นรำสมาคมทั้ง ๓ เปิดรับสมาชิกเก่ามีเลี้ยงน้ำชา ฯลฯ มีละครของโรงเรียน สำหรับข้าพเจ้ารู้สึกสนุกขึ้น เพราะรู้จักผู้คนมาก และรู้จักขนบธรรมเนียมของเขาดีขึ้น ละครโรงเรียนเล่นเรื่อง A Night At An Inn เป็นเรื่องลึกลับ ข้าพเจ้าได้แสดงด้วย เป็นตัวแขกอินเดียนพยายามจะไปฆ่าเขา แต่แล้วก็ถูกฆ่าตาย ตามบทของข้าพเจ้ามีเพียงว่าคลานเข้ามาในห้องแล้วเงื้อมีดขึ้นจะฆ่าฝรั่งคนหนึ่ง แต่ฝ่ายนี้เขาเตรียมตัวอยู่แล้วเขาจึงฆ่าเราเสียก่อน ไม่ต้องพูดอะไรเลย ทำนอนตายอยู่สัก ๑๐ นาทีปิดฉาก ต้องเล่นเพียงเท่านี้ประหม่าเสียแทบแย่

๒๙. ไปทำงานที่ค่ายระหว่างพักหน้าร้อน

       ระหว่างพักร้อนปีนี้ คุณประสบได้จัดการให้ข้าพเจ้าไปทำงานที่ Camp Mishe Mokwa ตั้งอยู่บนเกาะกลาง Lake Winnepesaukee มลรัฐนิวแฮมพ์เชียร์ ทำงานตำแหน่ง Junior Councillor มีหน้าที่ดูแลเด็กรุ่นเล็ก (อายุประมาณ ๑๒-๑๔) ตั้งโต๊ะอาหารและเช็ดชาม ค่ายนี้มีนักเรียนประมาณ ๑๕๐ คน เด็กที่ข้าพเจ้าต้องดูแลประมาณ ๒๐ คน ระหว่างที่ทำงานอยู่นี้ได้ช่วยชีวิตเด็กไว้คนหนึ่ง คือบุตรชายของเจ้าของค่ายซึ่งตกสะพานลงไปในน้ำแล้วว่ายน้ำไม่เป็น ข้าพเจ้าต้องโดดน้ำลงไปช่วยขึ้นมา การที่ได้มาทำงานอยู่เช่นนี้เขาคิดค่าป่วยการให้เดือนละ ๓๐ เหรียญ ไม่ต้องเสียค่ารับประทานหรือค่าที่พักซึ่งนับว่าเคราะห์ดีมาก เพราะได้พักตากอากาศร่างกายแข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ซ้ำยังได้เงินอีกเดือนละ ๓๐ เหรียญ แต่ก็ต้องเหนื่อยหน่อยเพราะต้องคอยดูแลพวกเด็กๆ และต้องตั้งโต๊ะอาหารและเช็ดชาม การทำงานในหน้าร้อนของเด็กอเมริกันนั้นเขาถือเป็นของธรรมดา ใครหางานทำได้ก็เป็นการดี เขาไม่ดูถูกกัน แม้ลูกเศรษฐีบางคนที่ดีๆ หน่อยก็ไปเที่ยวหางานทำเพื่อไม่ต้องอยู่เปล่าๆ คนทำครัวที่ค่ายนี้เป็นชาวคิวบา ทำกับข้าวอร่อยมาก เราคุ้นเคยกันมากเพราะเขาเป็นผู้ล้างชามด้วย แล้วข้าพเจ้ามีหน้าที่เช็ดชาม เขามีนิทานสนุกๆ เล่าให้ฟังเสมอ ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เล่นในเบสบอลทีมของค่าย ซึ่งได้ไปแข่งขันกับค่ายอื่นๆหลายครั้ง กลางคืนเดือนหงายบางคืนพวกผู้ใหญ่ที่ควบคุมเด็ก (Senior Couneillor) ได้ชวนข้าพเจ้าให้ไปเต้นรำกับเขาเสมอ ซึ่งต้องไปเรือยนต์ราว ๑๕ นาที แต่ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้ไปเพราะไม่มีผู้หญิงไปด้วย การไปขอคนไม่รู้จักกันเต้นรำข้าพเจ้าไม่กล้า เพราะนึกถึงว่าเราผิวเหลืองเขาอาจรังเกียจก็ได้ การไม่ได้เต้นรำไม่เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าใครมาดูถูกแล้วเดือดร้อนมาก

กลับที่เรี่มต้น

๓๐. เริ่มได้รับเกียรติสูงในโรงเรียน
ปีที่๓  มัธยม ๗  (๒๔๖๓)

       เดือนกันยายน ๒๔๖๓ อายุได้ ๑๖ ปี ๔ เดือนเศษ กลับโรงเรียนเดิมอีกเป็นปีที่ ๓ ปีนี้มีนักเรียนมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ข้าพเจ้าได้เรียนในชั้นเทียบมัธยม ๗ ได้เข้าเล่นฟุตบอลในทีมหนึ่งตามเคย ปีนี้ทีมฟุตบอลเก่งมาก เข้าเล่นแข่งขันราว ๑๐ เกมไม่แพ้ใครเลย ชนะจนกระทั่งโรงเรียนใหญ่ๆ ที่มีนักเรียนตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ คนและมีชื่อเสียง ปีนี้ข้าพเจ้าตั้งต้นได้รับเกียรติยศในโรงเรียนบ้างแล้ว คือนักเรียนได้เลือกตั้งให้เป็น Vice President ของ Athletic Association, Business Manager ของ Dramatic Association, President ของ Delta Beta Society, Assistant Business Manager ของ The "Stray Shot" หนังสือพิมพ์โรงเรียน
        การเล่นฟุตบอลปีนี้รู้สึกว่าเล่นดีขึ้น เพราะมีความชำนาญมากขึ้น การแข่งขันบางเกมต้องไปเล่นที่สนามโรงเรียนอื่น ซึ่งโดยปรกติเราไปรถยนต์ออกตั้งแต่เช้า ขึ้นเขาลงห้วยไปผ่านเมืองใหญ่ๆ บ้าง แล้วไปถึงโรงเรียนที่เราจะแข่งขันด้วยก่อนเวลาอาหารกลางวันรับประทานอาหารกลางวันแล้วพักสักเล็กน้อยก็เข้าเครื่องแบบ เวลาแข่งขันที่สนามโรงเรียนอื่นนี้ข้าพเจ้ายิ่งรู้สึกประหม่ามาก ขาดคนดูที่เคยรู้จักหรือเคยเห็นเราเล่น ขาดนักเรียนที่เคยโห่สนับสนุนเรา มีแต่พวกเขา แต่โรงเรียนเหล่านั้นก็ทึ่งกันมากที่จะได้เห็นคนผิวเหลืองเป็นชาวตะวันออกตัวเล็กๆ ได้เข้าแข่งขันกับโรงเรียนเขา เพราะไม่เคยเห็น เมื่อเลิกการแข่งขันแล้วอาบน้ำรับประทานอาหารเย็น แล้วเดินทางกลับกลางคืน ร้องเพลงกันมาในรถยนต์อย่างสนุกสนาน ในชีวิตไม่เคยมีอะไรที่สนุกสนานเบิกบานสำราญใจอย่างเวลานี้เลย พวกเรารักใคร่กันดีมาก สำหรับตัวข้าพเจ้ากับพวกเพื่อนนักเรียนแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นเด็กอเมริกันคนหนึ่ง ไม่ใช่คนต่างชาติ เรากินด้วยกัน นอนด้วยกัน สนุกด้วยกัน กอดกันไม่เคยมีความรังเกียจอะไรกันเลย
        เด็กนักเรียนอเมริกันนั้นชอบสนุก เขาครึกครื้นอยู่ตลอดเวลา ชอบคิดทำอะไรแปลกๆ แล้วต้องร่วมมือกันเสมอ ชอบสิ่งขบขัน เช่นการเดินทางกลับจากเล่นฟุตบอลในรถยนต์สองแถวในเวลากลางคืน บางทีรถเราไม่มีไฟหน้ารถ รถที่สวนทางกับเราก็คงจะหวังดี ร้องตะโกนบอกเราว่า "Light" หมายความว่าเราไม่มีไฟ รถที่สวนทางได้ตะโกนบอกอยู่ ๒-๓ คัน เราจึงได้ปรึกษากันว่า อย่าเลยอย่าให้มันต้องบอกเราอีกเลย เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราไม่มีไฟ เราบอกมันเสียก่อนเถอะ ฉะนั้นพอเราจะสวนรถกับใคร เราทั้งหมดก็ตะโกนออกไปก่อนว่า None of your damn business คือแปลว่าไม่ใช่ธุระอะไรของเอ็ง (ที่เราจะมีไฟหรือไม่) ดังนี้มันก็ขบขันดี เพราะรถที่สวนทางกับเราคงงงทีเดียว เราเป็นผู้ผิดแต่เขาถูกแป๊ะเจี๊ยะถูกด่าเสียก่อน
        ระหว่างฤดูฟุตบอลนี้ข้าพเจ้าเบื่อหน่ายอยู่อย่างเดียว คือ การฝึกซ้อมทุกๆ วันเพราะการซ้อมต้องทำงานหนักมากและต้องเจ็บตัวด้วย บางคราวก็เจ็บมากๆ เสียด้วยสำหรับแขน ขา หรือตัว ช้ำจนเขียว ช้ำจนเขียวหรือหนังถลอกนั้นเป็นของธรรมดา แต่เวลาเข้าเล่นแข่งขันกับโรงเรียนอื่นแล้วชอบเป็นที่สุด ไม่กลัวเจ็บ อยากเป็น Hero อยากได้ชื่อเสียงอยากให้คนชมเชยมากๆ ชอบให้ผู้หญิง admire แต่ตัวเราเองไม่กล้ามองหรือพูดกับเขาเพราะเวลานั้นเป็นคนขี้อายเป็นที่สุด
        ข้าพเจ้าได้เห็นหนังสืออาจารย์ใหญ่ถึงผู้ปกครองข้าพเจ้า มีใจความว่า ข้าพเจ้าเป็นเด็กดี เรียบร้อย popular กับนักเรียนและครูเป็นอันมาก นอกจากนั้นได้ทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียน เช่นในการแสดงละครของโรงเรียน ข้าพเจ้าได้ไปจัดทำโปรแกรมขึ้นอย่างสวยงามโดยที่โรงเรียนไม่ต้องลงทุนเลย เพราะไปวิ่งหาแจ้งความมาใส่จนได้เงินคุ้มค่าพิมพ์เป็นต้น
        เดือนธันวาคม (๒๔๖๓) โรงเรียนหยุดคริสต์มาส ได้ขึ้นไปพักอยู่ที่เมืองบอสตัน ได้ไปพบปะนักเรียนไทย ได้ดูภาพยนตร์ ได้รับประทานอาหารจีนเช่นเคย ต้นเดือนมากราคมโรงเรียนเปิดกลับมาโรงเรียนก็ได้เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งบาสเกตบอลของโรงเรียนอีกเป็นปีที่สอง (รูปภาพ) รู้สึกว่าเล่นได้ดีขึ้นเพราะได้ความชำนาญมากขึ้นในการแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆ ซึ่งมีประมาณ ๑๒ ครั้ง ได้ทำชื่อเสียงไว้เป็นอย่างดี ผู้คนในเมืองที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน หรือนักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนักรู้จักชื่อข้าพเจ้าแทบทุกคน ทั้งนี้ทำให้มีคนรู้จักเมืองไทยมากขึ้น
        ต้นเดือนเมษายน (๒๔๖๔) โรงเรียนหยุด Easter ๑๐ วัน Mr. & Mrs. Melius ได้เชิญไปพักที่บ้านที่เมืองนิวยอร์คอีก เขารับรองให้อย่างสนุกสนานมาก ได้เชิญไปดูละครได้จัดให้มี "ปาร์ตี้" เชิญแขกให้มารู้จักด้วย ได้พาไปรู้จักคนใหญ่ๆ โต ที่มีอิทธิพลที่เป็นเพื่อนกับเขา การไปพักกรุง นิวยอร์คคราวนี้ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสไปเที่ยว China Town ด้วย ซึ่งมีอาณาเขตค่อนข้างใหญ่ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วรู้สึกเหมือนกับอยู่ในเมืองจีน คือเต็มไปด้วยชนชาวจีน แต่งตัวเป็นจีน ถนนเล็กๆ ป้ายหน้าร้านเป็นภาษาจีน และได้ยินเสียงซอจีนดังอู๋อี๋ บางตอนได้ยินเสียงแฉ่งคล้ายงิ้ว นี่แสดงให้เห็นว่าจีนเรานี้เก่งมากมีมนุษย์อยู่ที่ไหนแล้วจะต้องมีจีนไปถึงที่นั่น แล้วนำวัฒนธรรมของเขาไปใช้อย่างเต็มทีเสียด้วย นอกจากไปเที่ยว "เมืองจีน" แล้วข้าพเจ้าชอบขึ้นรถ "บัส" นั่งชั้นบนเที่ยวรอบเมืองไปตามถนนสายสำคัญๆ รวมทั้ง Riverside Drive ด้วย Riverside Drive เป็นถนนอยู่ริมแม่น้ำฮัดสัน บ้านเมืองของเขาใหญ่โตและน่าดูน่าเที่ยวจริง ทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์ โรงเต้นรำ และสถานที่บันเทิงอื่นๆ

๓๑. เข้าเล่นอยู่ในทีมหนึ่งเบสบอลของโรงเรียน

       กลับไปถึงโรงเรียนถึงฤดูเบสบอล สำหรับเกมนี้ข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบนัก ฉะนั้นใน ๒ ปีแรกที่เข้าโรงเรียนนี้จึงไม่ได้พยายามออกเล่นอย่างจริงจัง ปีนี้ข้าพเจ้านึกสนุกขึ้นมาเลยตกลงใจว่า จะพยายามออกเล่นเพื่อเข้าทีมของโรงเรียน เพราะโดยปรกติถ้าเป็นนักกีฬาที่เล่นเกมต่างๆได้ดีแล้ว ไม่ว่าจะไปจับเล่นอะไรก็มักจะเล่นได้ดีเร็วกว่าคนธรรมดา นักกีฬาก็อย่างเดียวกับนักดนตรี หรือช่างเขียนรูปภาพ คือถ้ามี gift ในทางนั้นอยู่ในตัวแล้วก็ต้องได้ดีกว่าคนอื่น เช่น นักดนตรีถ้ามี gift อยู่ในตัว จะหัดเรียนเล่นเครื่องอะไรก็หัดได้ไว และเมื่อเป็นอย่างหนึ่งแล้วจะไปหัดอย่างอื่นก็รู้สึกว่าเป็นของง่ายมาก ฟังเพลงแล้วก็จำได้ มาเล่นได้ทันทีโดยไม่ต้องดูโน๊ตเพลง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผู้อื่นเล่นเพลงอะไรอยู่ก็ดี เขาก็แยกเล่นเสียงประสานไปได้ในตัว แต่ถ้าเป็นคนไม่มี gift ในทางนี้ หัดอะไรกว่าจะเป็นก็ยากและช้ามาก แล้วก็เล่นไม่ได้ดีแท้ด้วย นักช่างเขียนรูปภาพเหมือนกันถ้ามี gift แล้วจะเขียนรูปอะไร เอาดินสอป้ายไปป้ายมาก็เป็นรูปงาม ถ้าไม่มี gift แล้วแม้จะมีแบบให้ก็ทำไม่ได้ดี
        เบสบอลเกมนี้ถือกันว่า เป็นเกมประจำชาติของอเมริกา เด็กอเมริกันแทบทุกคนพออายุได้ ๖-๗ ขวบก็ต้องตั้งต้นหัดเล่นเกมนี้ ความสำคัญของเกมนี้คือต้องขว้างลูกได้แรง ไกลและเร็ว ต้องรับลูกได้อย่างแม่นยำ แล้วต้องตีลูกได้แม่นและแรง ลูกบอลขนาดโตกว่าลูกเทนนิสนิดหน่อยแต่แข็งมาก เพราะข้างในทำด้วยเชือก ข้างนอกมีหนังหุ้ม การรับลูกต้องใช้ถุงมือ และต้องรู้จักวิธีรับ คือเมื่อลูกถึงมือก็ต้องผ่อนมือไปข้างหลังอย่างไว มิฉะนั้นแม้ใส่ถุงมือก็ทนเจ็บไม่ไหว ผู้เข้าเล่นถ้าซุ่มซ่ามปล่อยให้ลูกโดนตัวแล้วก็เจ็บมากวิธีเล่นโดยสังเขปมีดังนี้ ฝ่ายรับมี Pitcher ต้องขว้างลูกไปที่ Home Plate ซึ่งมีระยะทาง ๖๐ ฟุต และมี Catcher คอยรับอยู่ และมีฝ่ายคอยตีลูกอยู่หน้าคนรับ Pitcher นี้ต้องขว้างลูกได้อย่างเร็วและแม่นยำ และต้องหัดขว้างโดย Control ลูกได้ คืออาจขว้างบางคราวที่เรียกว่า Speed Ball คือลูกเร็ว ตรงไปเหมือนอย่างลูกปืน บางคราวขว้างลูก Drop คือเมื่อลูกถึง Home Plate ก็หล่นต่ำลงทำให้คนตีตีผิด หรือบางคราวขว้างลูก Curve in หรือ Curve Out คือพอลูกถึง Home plate ก็หันเข้าตัวคนตีลูกหรือหันออกจากตัวคนตี ทำให้คนตี ตีผิดการขว้างลูกสำหรับ pitcher นี้ยากมากทีเดียว ข้าพเจ้ายังนึกแปลกใจอยู่เสมอว่าทำไมเขาจึงขว้างได้โดยพลิกแพลงเช่นนี้ มันต้องเก่งจริงๆ ถ้าคนตี ตีผิด ๓ ครั้งก็ต้องออก ถ้าต้องออกถึง ๓ คน ฝ่ายตีก็ไปเป็นฝ่ายรับ ฝ่ายรับก็กลับมาเป็นฝ่ายตี ในเกมหนึ่งๆ ต้องผลัดกันรับและตี ๙ ครั้ง แต่ถ้าตีลูกถูกก็ต้องวิ่งไป "เบส" ที่ ๑ ซึ่งมีระยะทาง ๙๐ ฟุต แต่ถ้าฝ่ายรับ รับลูกได้แล้วขว้างลูกไปถึง "เบส" ที่ ๑ ก่อนตัวคนตีวิ่งไปถึง คนตีก็ต้องออกเหมือนกัน แต่ถ้าคนตีวิ่งผ่าน "เบส" ที่ ๑ ก่อนตัวคนตีวิ่งไปถึง คนตีก็ต้องออกเหมือนกัน แต่ถ้าคนตีวิ่งผ่าน "เบส" ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ จนกลับมาถึง Home Plate ได้ก็นับให้ ๑ แต้ม เมื่อผลัดกันตีและรับ ๙ ครั้งแล้วทีมใดได้แต้มมากทีมนั้นก็ชนะ
        ข้าพเจ้าได้เล่นอยู่ในทีมของโรงเรียน และได้เข้าแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆหลายครั้ง เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้ออกเล่นกีฬาและได้เข้าอยู่ในทีม ๑ ของโรงเรียนทั้ง ๓ ชนิด คือทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล และเบสบอล ซึ่งเด็กอเมริกันเขาเรียกว่า ๓ Letter man หมายความว่าได้เสื้อสามารถถึง ๓ อย่าง (รูปภาพ) ซึ่งเด็กอเมริกันที่เป็นนักกีฬาก็มีน้อยคนที่ทำได้อย่างนี้ ทั้งนี้ทำให้บรรดาครูและนักเรียนยกย่องและนับถือมาก
        เดือนมิถุนายนโรงเรียนปิดหน้าร้อน ข้าพเจ้าสอบไล่ได้ทุกวิชา ก่อนโรงเรียนปิดมีงานเช่นปีก่อนๆ คือมีละครของโรงเรียน มีงานแจกประกาศนียบัตร งาน Alumni Reunion สำหรับตัวข้าพเจ้ารู้สึกสนุกทีเดียวเพราะมีผู้คนรู้จักมาก ที่ยังไม่รู้จักและต้องการรู้จักก็มี ในงานเต้นรำพวกเพื่อน พาผู้หญิงมาแนะนำให้หลายคน เขายิ้มแย้มแจ่มใสและทึ่งในตัวเราดี จึงเป็นอันว่าเขาเห็นจะไม่รังเกียจที่จะเต้นรำด้วย เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้จึงสนุกมาก

๓๒. ทำงานเป็นคนขับรถเจ้าคุณสรรพกิจปรีชา

       หน้าร้อนปีนี้คุณประสบหางานให้ โดยให้เป็นคนขับรถของเจ้าคุณสรรพกิจปรีชาซึ่งเป็นอุปทูตอยู่อเมริกาขณะนั้น คือเจ้าคุณท่านเช่ารถยนต์ของคุณประสบ และขอให้มีคนขับประจำให้ด้วย สถานทูตยกขึ้นไปอยู่กลอสเตอร์เช่นเคย ข้าพเจ้าจึงไปว่าเช่าที่พักที่ ๙ ถนนเดวีส บ้านที่เคยอยู่เมื่อ ๓ ปีมาแล้ว หน้าที่ของข้าพเจ้าก็มีว่า เช้าขับรถไปที่โฮเต็ลที่เจ้าคุณท่านพักอยู่แล้วคอยรับใช้ท่าน เจ้าคุณสรรพกิจเป็นคนใจดีและใจคอกว้างขวาง แต่จู้จี้สักหน่อย ระหว่างพักอยู่กลอสเตอร์นี้ท่านชอบลงมารับประทานอาหารจีนที่บอสตันเสมออาทิตย์หนึ่งหลายๆครั้ง ข้าพเจ้าเป็นทั้งคนขับรถ และ companion ด้วย คือท่านรับประทานที่ไหนเราก็รับด้วย ดูหนังดูละครเราก็ได้เข้าดูด้วย นอกจากนั้นก็ได้ไปเที่ยว "รีเวียบิช" ด้วยกันเสมอ

๓๓. สถานที่ตากอากาศหน้าร้อนชายทะเล Revere Beach

       "รีเวียบีช" เป็นสถานที่ตากอากาศชายทะเลสำหรับหน้าร้อน และเป็นสถาน Amusement ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา อยู่ระหว่างบอสตันกับกลอสเตอร์ มีหาดทรายและถนนริมทะเลยาวสุดตา มีผู้คนมาเที่ยวและมาอาบน้ำทะเลกันหนาแน่นนับพันนับหมื่น มีโรงหนัง มีร้านขายของ ร้านอาหาร มีโรงเต้นรำ มีสถานที่ๆมีเครื่องเล่นแปลกๆหลายสิบอย่าง มี Roller Coaster (รถเหาะ) สูงๆ หลายอัน ข้าพเจ้าได้เคยขึ้นอันสูงที่สุด เวลาขาลงความเร็วและความชันมากต้องอัดใจไว้หายใจไม่ออก พวกผู้หญิงโดยมากร้องวี๊ดว๊าด พวกผู้ชายชอบชวนผู้หญิงขึ้นรถเหาะนี้ เพราะเมื่อรถออก แล้วจะลงระหว่างทางไม่ได้ พอรถขึ้นไปถึงที่สูงสุดแล้วผู้หญิงชักกลัว ตอนขาลงแกทั้งร้องทั้งเกาะหรือกอดผู้ชายไว้แน่นทีเดียว นอกจากรถเหาะแล้วก็มีเรือเข้าอุโมงค์มืด ไหลไปตามกระแสน้ำ ส่วน กว้างของเรือนั่งได้เพียง ๒ คน บางลำก็ไปได้เพียง ๒ คน บางลำ ๔ คน หรือ ๖ คนก็มี เรือเหล่านี้ไม่ต้องถือท้ายเพราะแล่นช้าๆ ไปตามกระแสน้ำในที่บังคับ ๒ ข้างทาง ที่สนุกมากก็คือตามหนทางที่ไปนั้นมืด แล้วไปๆบางทีก็พบสิ่งน่ากลัวต่างๆ เช่นหัวกระโหลกผี ฯลฯ เหมาะมากที่จะพาคู่รักไป เพราะนอกจากที่มันมืดแล้วยังเห็นอะไรน่ากลัวอีก เป็นทางทำให้แกต้องเกาะผู้ชายไว้แน่น ถ้าสนิทกันมากหน่อยแกก็กอดเอาไว้เลย ที่สนุกอีกแห่งหนึ่งก็คือ Mystery House (บ้านลึกลับ) เข้าไปในบ้านนี้แล้วไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เดินๆไปประเดี๋ยวทางที่เราเดินเกิดแกว่งขึ้น เราก็ต้องจับที่ราวข้างทางเดินไฟฟ้าก็ดูดมือ บางทีก็มีรูเล็กๆ ที่พื้นซึ่งเรามองเห็น เดินๆ ไปลมขึ้นจากรูนั้น ทำให้กระโปรงผู้หญิงเปิดและมีอะไรต่ออะไรอีกมากมาย มีบ้านเขาวงกฏทำด้วยกระจกเงา เดินเข้าไปเห็นตัวเราอยู่รอบทาง เข้าไปถึงข้างในแล้วออกไม่ค่อยถูก มองไปทางไหนก็รู้สึกว่าทางตันทั้งนั้น เขาเล่ากันว่าบางคนไปหลงอยู่ตั้งหลายๆชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีที่ยิงเป้า โยนห่วง ม้าหมุน รถไฟฟ้าชนกัน เรือบินหมุน และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย สถานที่นี้ยาวสุดหูสุดตาชั่วแต่ไปเดินเล่นที่นั้นก็สนุกเสียแล้ว วันไหนอากาศร้อนจัดๆมีผู้คนไปอาบน้ำทะเลที่หาดทรายนี้นับจำนวนร่วมแสนราวกับมด มาคิดๆดูชีวิตของชาวอเมริกันก็น่าสนุกและเพลิดเพลินมาก มีอะไรต่ออะไรให้ดูให้เล่นให้สนุกสำหรับคนทุกๆวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงแก่
        สำหรับอาหารที่ผู้คนไปเที่ยวที่เช่นนี้ ชอบซื้อแล้วเดินรับประทานกันตามถนนชายหาด ก็คือ ไส้กรอกซึ่งชาวอเมริกันเรียกว่า Hot dog ใส่ในขนมปังเป็นท่อนยาวๆ ทำคล้ายๆแซนวิชแล้วทามัสตาดนิดหน่อย อร่อยมาก ร้านไส้กรอกนี้เต็มไปหมด คนเดินรับประทานกันเกลื่อน ส่วนของหวานก็คือไอศกรีมโคน คือ ที่ใส่ไอศกรีมเป็นรูปโคนทำด้วยแป้งชนิดหนึ่ง อร่อยเหมือนกัน คล้ายๆบิสกิตหวาน ส่วนไอศกรีมนั้นมีทุกชนิดแล้วแต่เราต้องการ

๓๔. เริ่มชอบกับผู้หญิงอเมริกันเป็นครั้งแรก

       ระหว่างหน้าร้อนนี้ได้ไปรู้จักชอบพอกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ "ฟลอเรนซ์" เป็นเด็กอายุประมาณ ๑๖ ปี ค่อนข้างสวย เล่นเปียโนเก่ง เป็นครั้งแรกที่ชอบผู้หญิงอเมริกันเริ่มที่จะรู้จักกันก็คือมีผู้หญิงที่ข้าพเจ้ารู้จักคนหนึ่งชวนข้าพเจ้าไปในงาน House Party ที่บ้านแม่ "ฟลอเรนซ์" ได้มีการเล่นเกมต่างๆ และเต้นรำ จึงได้สนิทสนมกับเขามาก ก่อนกลับคืนนั้นเขาได้เชิญให้ข้าพเจ้าไปที่บ้านเขาอีกในวันหลัง ซึ่งข้าพเจ้าได้รับปาก ฉะนั้นในเวลาที่ข้าพเจ้าว่างในโอกาสต่อๆมาจึงได้ไปหาเขาอีก เขาเป็นคนช่างพูด เขาก็คุยเรื่องอะไรต่ออะไรให้ฟัง บางเวลาเขาก็เล่นเปียโนให้ฟังบ้าง ไปหาทีใดก็เพลิดเพลินดีจึงได้ไปหาบ่อย เมื่อไปหาบ่อยๆ จึงเกิดชอบเขาขึ้นมา การชอบพอผู้หญิงครั้งแรกเมื่ออายุเพียง ๑๗ ปีมีความรู้สึกตื่นเต้นพิกล รู้สึกอย่างใดบอกไม่ถูก แต่ก่อนๆมาเคยเป็นคนขี้อายและกลัวผู้หญิงเหลือเกิน มาคราวนี้ทำไมจึงได้กล้าหาญขึ้นมาได้ สำหรับตัวเขาก็ดูเหมือนจะไม่เคยชอบพอกับชายใดเลย ข้าพเจ้าเป็นคนแรกดูรู้สึกเขาก็ตื่นเต้นและรักข้าพเจ้ามาก เวลาเช้าเมื่อโรงเรียนเขาเปิดแล้ว เขาต้องเดินผ่านบ้านที่ข้าพเจ้าพักอยู่ เขาต้องนำจดหมายถึงข้าพเจ้ามาส่งไว้ให้ทุกๆวัน แสดงความรักตลอด เขาบอกว่าเขาไม่เป็นอันเรียนหนังสือแล้ว นั่งคิดถึงและเขียนแต่ชื่อข้าพเจ้าในสมุดโน๊ตของเขาตลอดเวลา
        ข้าพเจ้าได้ไปหาเขาเสมอ บางคืนก็ได้พาไปเที่ยวที่ "รีเวียบีช" พาไปขึ้นรถเหาะบ้า ง นั่งเรือเข้าอุโมงค์มืดบ้าง ฯลฯ ต่างคนต่างสนุกกันมาก บางคืนก็เอาแมนโดลินไปเล่นดนตรีกับเขา รู้สึกว่าทั้งมารดาและพี่ชายเขาดีต่อข้าพเจ้ามาก ไม่ได้แสดงรังเกียจอะไรเลย และยังไว้ใจอีกด้วย ปล่อยให้ลูกสาวไปเที่ยวกับข้าพเจ้าสองต่อสองเสมอ
        เพลงที่กำลังเป็นที่นิยมเวลานั้นชื่อ "Peggy O'Neil ฉะนั้น ในเวลาต่อมาเมื่อข้าพเจ้าได้ยินเพลงนี้เล่นที่ใดแล้วทำให้นึกถึง "ฟลอเรนซ์" ทุกคราว
       เมื่อหมดหน้าที่การขับรถจากเจ้าคุณสรรพกิจแล้ว ก่อนโรงเรียนเปิดก็บังเอิญทูลกระหม่อมแดงทรงซื้อรถยนต์ใหม่เป็นรถ Packard เก๋งอย่างพิเศษสวยงามมาก จึงรับสั่งให้ข้าพเจ้าไปขับรับใช้อยู่ที่เมืองบอสตันหลายวัน

กลับที่เรี่มต้น

๓๕. ได้รับเกียรติสูงสุดในโรงเรียน
ปีที่๔  มัธยม ๘  (๒๔๖๔)

       กลางเดือนกันยายน (๒๔๖๔) อายุได้ ๑๗ ปี ๔ เดือนเศษ โรงเรียนเปิด เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนก็ได้รับเกียรติอย่างสูงสุด คือได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียนและนักเรียนได้เลือกตั้งให้เป็น

1. President Student Council
2. President Athletic Association
3. President Senior Class
4. President Dramatic Association
5. President Delta Beta Society
6. Captain Football Team (Captain-Elect)
7. Manager Basket Ball Team
8. Business Manager of the "Stray Shot"

และอยู่ใน Committee ต่างๆ ตำแหน่ง President ต่างๆในโรงเรียนมาตกอยู่ที่ข้าพเจ้าหมด ข้าพเจ้าต้องเป็นผู้ดูแลนักเรียน และ Dormitory และลงโทษนักเรียนที่ทำผิดได้ เช้าต้องเป็นผู้ให้สัญญาณปลุกนักเรียน แล้วต้องเป็นหัวหน้าเรียกแถว เรียกชื่อหัดแถว และหัดกายกรรม กลางคืนต้องเป็นผู้ตรวจดูว่านักเรียนเข้านอนเรียบร้อยภายในสี่ทุ่มหรือไม่ ส่วนตัวข้าพเจ้าเองอยู่จนดึกก็ได้ การที่ข้าพเจ้าได้รับเลือกเป็นอะไรต่ออะไรต่างๆมากมายในโรงเรียนดังกล่าวแล้วนี้ ไม่เคยปรากฏแก่นักเรียนผู้ใดเลยในประวัติของโรงเรียน แม้เด็กอเมริกันก็ไม่เคยได้รับเกียรติที่ได้รับเลือกเป็นเสียทุกตำแหน่งดังนี้ในปีก่อนๆ ขณะนั้นข้าพเจ้าดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเพื่อนใน Senior Class มาคิดๆดูก็แปลกที่ว่าเราเป็นคนต่างชาติต่างผิว และชาวอเมริกันถือผิวที่สุด แต่ทำไมเด็กอเมริกันในโรงเรียนนี้จึงยกย่องข้าพเจ้ามากนัก ในปีก่อนๆก็รู้สึกแต่เพียงว่า พวกเพื่อนๆ นักเรียนถือเสียว่า ข้าพเจ้าเป็นเด็กอเมริกันคนหนึ่ง ไม่รังเกียจว่าเป็นคนต่างชาติต่างผิว รักกันฉันท์เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่มาปีนี้ดูรู้สึกเลยเถิดนั้นไป คือรู้สึกว่าเขาทั้งรักทั้งเกรงใจ ทั้งยกย่องทั้งบูชา โดยไม่ถือชาติถือผิวอะไรหมด       

       ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของข้าพเจ้าในโรงเรียนนี้ ถ้าสอบไล่ได้ก็เป็นอันว่าปีหน้าจะได้ไปเข้ามหาวิทยาลัย แต่โดยที่มีตำแหน่งหน้าที่มากมายเช่นนี้ การเรียนก็ด้อยลงไปบ้างเพราะข้าพเจ้าเป็นคนห่วงงาน เมื่อเขาแต่งตั้งให้ทำอะไรแล้วก็อยากทำให้ดีที่สุดเสมอ คราวนี้ เมื่อถูกแต่งตั้งให้ทำทุกหน้าที่ดังนี้ เลยไม่ค่อยได้มีเวลาดูหนังสือ นอกจากนั้นยังเป็นห่วงการเล่นกีฬาอีกด้วย เพราะการแข่งขันกีฬาต่างๆกับโรงเรียนอื่นๆเป็นเรื่องสำคัญของโรงเรียน และข้าพเจ้าก็เป็นคนสำคัญในทีมอยู่บ้าง

๓๖. การเป็น President Student Council (รูปภาพ)

       ตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดในโรงเรียนคือตำแหน่ง President Student Council (ประธานสภานักเรียน) เพราะเป็นตำแหน่งที่นักเรียนทั้งโรงเรียนจะต้องเลือกผู้ที่กว้างขวาง เรียบร้อย มีความประพฤติดี และเป็นที่เคารพยำเกรงของนักเรียนทั้งโรงเรียนซึ่งการเลือกนักเรียนผู้ใดขึ้นรับตำแหน่งนี้ นักเรียนทั้งโรงเรียนเป็นผู้เลือก แล้วเสนอชื่อไปยังคณะอาจารย์และครู คณะอาจารย์และครูจะต้องเห็นชอบด้วยเสียก่อนจึงจะได้รับการแต่งตั้ง หน้าที่นี้ต้องควบคุมความประพฤติของนักเรียน ออกกฎข้อบังคับและระเบียบการให้นักเรียนปฏิบัติ นักเรียนผู้ใดทำความผิดต้องเสนอเรื่องต่อ Student Council พิจารณาแล้วสั่งลงโทษได้ ต้องดูแลทุกข์สุขของนักเรียน ต้องดูให้นักเรียนมาความสามัคคีกัน ต้องเป็นผู้แทนนักเรียนในการติดต่อกับอาจารย์ในเรื่องต่างๆ ตำแหน่งนี้มักจะได้กับนักเรียนที่เป็น "คนดีและเรียบร้อยที่สุดในโรงเรียน"

๓๗. การเป็น President Athletic Association (รูปภาพ)

       ตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดเป็นที่ ๒ คือตำแหน่ง President Athletic Association (ประธานองค์การกีฬาของโรงเรียน) ตำแหน่งนี้การเลือกตั้งก็เลือกโดยวิธีนักเรียนทั้งโรงเรียนเป็นผู้เลือกในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียน ตำแหน่งนี้มีหน้าที่ดูแลกิจการกีฬาของโรงเรียนทั้งสิ้น ซึ่งโรงเรียนในสหรัฐอเมริกาถือว่าการกีฬานี้สำคัญมากที่สุด หน้าที่นี้ต้องดูแลรายได้รายจ่ายในการกีฬาทุกชนิด สมควรจะเข้าแข่งขันในเกมอะไรกับโรงเรียนใดบ้าง และแข่งขันที่ใด เวลาทีมของเราจะไปแข่งขันที่โรงเรียนอื่นจะไปโดยยานพาหนะใด หรือเมื่อทีมโรงเรียนอื่นมาก็ต้องรับรองเขา นอกจากนั้นยังต้องจัดหาเครื่องกีฬาต่างๆ สำหรับโรงเรียนด้วย ตำแหน่งนี้มักจะได้กับนักเรียนที่เป็นนักกีฬาและ Popular ที่สุดใน โรงเรียน

การแข่งขันกีฬาของโรงเรียนกับโรงเรียนอื่นๆ ในปีหนึ่งๆ ตามฤดูมีดังนี้

กันยา-พฤศจิกา แข่งขันอเมริกันฟุตบอล ประมาณ ๗-๘ เกม
มกรา-มีนาคม แข่งขันบาสเกตบอล ประมาณ ๑๒-๑๕ เกม
เมษา-มิถุนา แข่งขันเบสบอล ประมาณ ๙-๑๐ เกม

๓๘. การเป็น President Senior Class

       ตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดเป็นที่ ๓ คือตำแหน่ง President Senior Class (ประธานของนักเรียนชั้นสูงสุด) ตำแหน่งนี้นักเรียนในชั้น Senior Class เป็นผู้เลือกตั้งและมักจะได้กับผู้ที่นักเรียนในชั้นสูงสุดนี้ยกย่อง และนักถือที่จะให้เป็นหัวหน้าของเขา Senior Class คือนักเรียนทั้งหมดที่จะเรียนสำเร็จในปีนี้ ซึ่งต้องมี Organization สำหรับกิจการที่จะทำและงานรื่นเริง

๓๙. การเป็น President Dramatic Association

       ตำแหน่งที่มีเกียรติต่อไป คือตำแหน่ง President Dramatic Association (ประธานองค์การละครของโรงเรียน) ตำแหน่งนี้สมาชิกในองค์การนี้เป็นผู้เลือกตั้ง และเขามักจะเลือกให้ผู้ที่เข้มแข็งวิ่งเต้นเก่ง และเอาการเอางาน เพราะมีหน้าที่ต้องจัดเรื่องการแสดงละครประจำปี ต้องเตรียมเรื่องที่จะแสดง เลือกตัวผู้แสดง จัดฉาก จัดเครื่องแต่งตัวและเครื่องใช้ต่างๆ จัดเรื่องไฟฟ้า จัดการแจ้งความและขายตัว จัดที่นั่ง จัดทำโปรแกรม ฯลฯ เป็นงานที่ยุ่งยากมาก

๔๐. การเป็น President Delta Beta Society (รูปภาพ)

       ตำแหน่ง President Delta Beta Society (นายกสมาคมเดลตา เบตา) ก็เป็นตำแหน่งมีเกียรติในโรงเรียนและภายในสมาคม คือเป็นผู้ที่สมาชิกของสมาคมยกย่องและนับถือก็เลือกให้ หัวหน้า ซึ่งข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งนายกสมาคมนี้เป็นปีที่สอง

๔๑. การเป็นกัปตันอเมริกันฟุตบอลทีมของโรงเรียน (รูปภาพ)

       ข้าพเจ้าได้รับเลือกเป็นกัปตันทีมอเมริกันฟุตบอลสำหรับปีต่อไป ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งมีเกียรติสูงสุดตำแหน่งหนึ่งของโรงเรียนในทางกีฬา การเลือกผู้ใดขึ้นรับตำแหน่งนี้บรรดาผู้ที่เล่นอยู่ในทีมทุกคนเป็นผู้เลือก และเขามักจะเลือกจากผู้ที่เล่นได้ดี ควบคุมทีมได้ดี และมีไหวพริบดี เพราะเวลาแข่งขันผู้นี้จะต้องเป็นคนสำคัญ ตำแหน่งนี้สำหรับคนภายนอกโรงเรียนนิยมและนับถือมาก เพราะเด่นในเวลาแข่งขันซึ่งคนดูได้เห็นกับตาของเขาเอง คนที่ไม่ได้มาดูก็อาจเห็นรูปหรือเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ หรือด้วยคำบอกเล่าของผู้มาดู คือมันเป็นเรื่องภายนอกโรงเรียน ทำให้มีคนรู้จักมาก

๔๒. การเป็นผู้จัดการทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน

       ตำแหน่ง Manager Basketball Team (ผู้จัดการทีมบาสเกตบอล) ตำแหน่งนี้ผู้เล่นอยู่ในบาสเกตบอลทีมเป็นผู้เลือกตั้ง มีเจ้าหน้าที่จัดการเรื่องการแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆ จัดสถานที่แข่งขัน จัดเรื่องการเดินทางไปแข่งขันที่อื่น จัดการรับรองทีมอื่นที่มาแข่งขันด้วย จัดหาเครื่องใช้สำหรับกีฬาประเภทนี้ ควบคุมดูแลทุกข์สุขของผู้เล่นในทีม ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่างที่จัดทำได้ก็โดยอนุมัติของ President ของ Athletic Association คือตัวข้าพเจ้าเองทั้งสองตำแหน่ง

๔๓. การเป็นผู้จัดการหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน (รูปภาพ)

       ตำแหน่ง Business Manager of the "Stray Shot" (ผู้จัดการใหญ่ของหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน) ตำแหน่งนี้ครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องในหนังสือพิมพ์นี้เป็นผู้เลือกตั้ง "Stray Shot" เป็นหนังสือพิมพ์รายเดือนของโรงเรียน ในหน้าที่ Business Manager ต้องจัดการติดต่อแลกเปลี่ยนกับหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนอื่นๆ

๔๔. มีชื่อเสียงโดยเป็นคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน และเป็นดาราฟุตบอล

       บรรดาอาจารย์และนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ในมลรัฐคอนเนคติกัต นิวยอร์คและ แมสซาชูเซตส์ที่มีการแข่งขันกีฬา หรือมีการติดต่อกับโรงเรียนกันเนอรี เช่นโรงเรียน Canterbury, Berkshire, Westminster, Salisbury, Kent, Taft, Ridgefield, Crosby, Wilby, Roxbury, Wesleyan, University, ฯลฯ รู้จักชื่อเสียงข้าพเจ้าเป็นส่วนมากว่าเป็นคนไทยที่ popular เป็นนักกีฬา และเห็น หัวหน้าใหญ่ของโรงเรียนกันเนอรี ซึ่งเขาเห็นเป็นของแปลก และมีความสนใจกันเป็นอันมาก เพราะเป็นคนต่างชาติและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชาวตะวันออก
        ข้าพเจ้าได้เล่นฟุตบอลมีชื่อเสียง หนังสือพิมพ์ต่างๆลงชมเชยว่าเป็น Individual Star คือเป็นดาราตัวเด่นผู้เดียวสำหรับในโรงเรียนข้าพเจ้า เวลาแข่งขันกับโรงเรียนใดผู้เล่นในทีมของโรงเรียนอีกฝ่ายหนึ่งได้ถูกครูผู้ควบคุมของเขาสั่งให้ระวังแต่ข้าพเจ้า ให้คุมข้าพเจ้าให้อยู่ เวลากำลังเล่นเคยได้ยินเสียงร้องตระโกนเข้ามาขอจับมือด้วย แล้วก็ชมเชยต่างๆนานาเช่นว่า "Wonderful" "You're a real Football Star" etc.
        การเล่นฟุตบอลปีนี้ คือก่อนเล่นไม่ต้องไปนอนคิดว่าพรุ่งนี้จะเล่นได้ดีเพียงไรเหมือนอย่างปีก่อนๆ นอนหลับสบายโดยไม่มีห่วงเลย เพราะเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราจะทำอะไรต่ออะไรได้ทุกอย่างที่เราอย่ากทำ ไม่ได้หวาดหวั่นอะไรเลย ความชำนาญก็คือได้เล่นมาในทีมหนึ่ง เข้าแข่งขันโรงเรียนต่างๆมาเป็นปีที่ ๓ แล้ว รู้ tricks ต่างๆของเกมนี้ ถ้าใครเล่นสกปรกเราก็เล่นสกปรกเป็นเหมือนกัน แต่เราไม่ทำใครก่อน ทีมของโรงเรียนเราเฉลี่ยน้ำหนักคนเล่นทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ปอนด์ ตัวข้าพเจ้าเวลานั้นน้ำหนัก ๑๒๐ ปอนด์เท่านั้น
        ขนบธรรมเนียงของการเล่นฟุตบอลมีดังนี้ ก่อนเวลาการแข่งขันประมาณหนึ่งชั่วโมง ผู้เล่นก็เข้าห้องแต่งตัว ผู้เล่นผู้ใดเมื่อยตรงไหนในร่างกายของตัวก็ต้องให้ผู้ช่วยเหลือทาน้ำมันสโลน (น้ำมันเขียว) แล้วนวดที่ตรงนั้น ผู้ใดรู้สึกว่าข้อมือหรือข้อเท้าไม่ปรกติก็ต้องพันปลาสเตอร์และพันผ้าตบแต่งเสียให้แข็งแรง แล้วก็สวมเครื่องแต่งตัวซึ่งเป็นเกราะตามที่เคยกล่าวมาแล้ว แต่ละโรงเรียนเขามีสีประจำโรงเรียนเช่นโรงเรียนนี้มีสีแดงเข้มและเทา ฉะนั้นเครื่องแต่งตัวก็เป็นสีแดงเข้มและเทา ก่อนแข่งขันครึ่งชั่วโมงพอแต่งตัวกันเสร็จแล้วทุกคนก็เข้าไปชุมนุมในห้องพักแห่งหนึ่ง แล้วครูผู้สอนเกมนี้ก็สั่งสอนถึงการที่จะเล่นวันนี้ การสอนมีหลักสำคัญก็คือ เตือนผู้เล่นในวิธีต่างๆที่สอนไว้ และถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีผู้ใดที่เล่นเก่งก็เตือนให้คอยคุมผู้นั้นให้อยู่และสอนวิธีเอาเปรียบบางอย่างที่ไม่ เสียหาย เช่นถ้าเราได้แต้มสูงกว่าและทีมอีกฝ่ายหนึ่งแข็งมากก็ให้ถ่วงเวลาเล่น อย่าให้เขามีโอกาสได้ทำอะไรมากนัก หรือว่าถ้าเราตั้งต้นเล่นไปแล้วทราบว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนแอของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ให้เล่นผ่านตรงนั้นบ่อยๆ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น การสั่งสอนนี้ครูเอาใจคนเล่นมาก พอสั่งสอนเสร็จกัปตันของทีมก็ถือลูกฟุตบอลนำวิ่งลงสนาม พวกผู้เล่นก็วิ่งตามลงไป พอถึงสนามก็ได้รับการต้อนรับจากผู้ดูโดยการปรบมือให้ และพวกโห่สนับสนุนก็เริ่มโห่ให้ทีมและกัปตันก่อน แล้วผู้ตัดสินก็เชิญกัปตันทั้งสองฝ่ายไปพบกันกลางสนาม โยนหัวโยนก้อยเพื่อเลือกเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับและเลือกด้านสนาม เสร็จแล้วผู้เล่นก็เข้าประจำที่ ตอนนี้ข้าพเจ้าใจเต้นที่สุด ครั้นได้เวลาผู้ตัดสินก็ร้องถามไปยังกัปตันฝ่ายหนึ่งว่า "Are you ready…" (ชื่อโรงเรียน) กัปตันฝ่ายนั้นยกมือขึ้นสูง ตอบว่า "Ready" ผู้ตัดสินก็หันมาถามกัปตันอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเดียวกัน เมื่อได้รับตอบอย่างเดียวกัน แกก็เป่านกหวีดเป็นอันว่าเกมได้ตั้งต้น วิธีเล่นนั้นมีหลักการอยู่ว่า ฝ่ายรุกจะต้องพยายามพาลูกบอลผ่านฝ่ายรับไปจนถึงโกลของฝ่ายรับ การพาลูกบอลรุกเข้าไปนี้ทุกๆ ๑๐ หลา เขาให้ทำภายใน ๔ plays ฉะนั้นถ้าฝ่ายรุกๆ ได้ play ละ ๓ หลาก็น่าพอใจแล้ว แต่เกมต้องช้าหน่อย จึงต้องมีวิธีเล่นแปลกๆ ซึ่งถ้าคนเล่นเก่งด้วยแล้ว บางทีอาจครั้งเดียวก็พาลูกไปหลังโกลฝ่ายรับได้ ซึ่งนับให้ ๖ แต้ม แล้วได้เตะลูกเปล่าๆ อีกครั้งหนึ่ง ถ้าข้ามโกลก็ได้อีก ๑ แต้ม แต่ถ้าภายใน ๔ play ทำไม่ถึง ๑๐ หลาแล้วฝ่ายรุกต้องกลับมาเป็นฝ่ายรับ ฝ่ายรับก็เป็นฝ่ายรุกต่อไป เมื่อหมดเวลา Quarter หนึ่งคือ ๑๕ นาที ก็หยุดพัก ๒ นาที เราก็อมน้ำบ้วนปากให้ชื่นใจ แล้วก็ตั้งต้นเล่นกันต่อไปอีก เมื่อหมดครึ่งเวลาหยุดพัก ๑๕ นาที เราก็ขึ้นห้องพักผ่อนเพื่อให้ครูผู้สอนติและชมการเล่นของเรา บกพร่องอะไรบ้างควรแก้ไขอะไรบ้าง ได้เวลาก็เล่นต่อไปจนหมดเวลา
        ในเวลาแข่งขันนั้นอาจเปลี่ยนคนเล่นได้ ฉะนั้นแต่ละทีมต้องมีคนเล่นสำรองไว้หลายคน คือถ้าใครเจ็บป่วยก็ส่งคนเข้าไปแทน หรือใครบังเอิญเล่นไม่ดีก็ส่งคนเข้าไปแทนได้ ระเบียบการส่งคนเข้าไปแทนมีดังนี้ เมื่อผู้สำรองถูกครูผู้ควบคุมทีมส่งเข้าไปแทนใครให้คนๆ นั้นออกจากสนาม ผู้ที่เข้าไปใหม่จะพูดกับใครไม่ได้เลยจนกว่าจะเล่นไปแล้ว ๑ play ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ครูผู้สอนสั่งเข้าไปบอกพวกเล่นให้เล่นอย่างไร หรือให้ใครทำอะไรเป็นพิเศษ
        ข้าพเจ้าเคยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมฝรั่งจึงชอบว่าคนที่ทำอะไรได้ดี "Don't get swell head' คือหมายความว่าอย่าลืมตัว แต่คำว่า "Swell head" นี้แปลโดยตรงว่าหัวโตขึ้น ข้าพเจ้าสงสัยว่าทำไมเขาจึงใช้คำว่า 'Swell head" แต่ได้มารู้แน่ชัดในคราวเล่นฟุตบอลนี้เอง คือเวลาที่นำลูกวิ่งผ่านอีกฝ่ายหนึ่งไปได้เป็นระยะไกลๆ ไปจนถึงหลังโกลซึ่งทำแต้มให้ได้ ๖ แต้มนั้น คนโห่ร้องให้เกียรติยศกันลั่นสนาม ความปลื้มใจของข้าพเจ้ารู้สึกว่าขนหัวลุก และหัวของเรานี้รู้สึกโตขึ้นถนัด จึงได้รู้ความจริงของคำนี้
        ข้าพเจ้าจำได้ว่า เมื่อปีแรกมาอยู่โรงเรียนนี้มีความรู้สึกเป็นเด็กอเมริกันเหมือนกัน คือนักเรียนต่างๆ เขานิยมชมชื่นผู้ที่เล่นฟุตบอลเก่ง คือคอยประจบและเอาใจและยกย่องแต่พวกนี้ เราก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย มาถึงปีนี้เราก็รู้สึกตัวเหมือนกันว่านักเรียนทั้งโรงเรียนรวมทั้งครูและอาจารย์นิยมชมชื่นและคอยเอาใจเรามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันเสาร์ตอนเช้านักเรียนส่วนมากจะต้องยิ้มแย้มเข้ามาปราศรัยด้วย ถามถึงความเห็นในเรื่องการแข่งขันบ่ายวันนี้ ถามถึงความรู้สึกของเรา และว่าเราต้องชนะ บางคนก็ว่าการแพ้ชนะของเราอยู่ที่ตัวข้าพเจ้า เป็นต้น ส่วนผู้คนอื่นๆ ในเมืองหรือที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน ถ้าเขาพบเราที่ใด เขาก็จะยิ้มแย้มด้วยเสมอ คือพลอยนิยมชมชื่นเราไปด้วย
        สำหรับครูผู้สอนและกำกับทั้งฟุตบอลและบาสเกตบอลทีมของโรงเรียนเป็นห่วงข้าพเจ้ามาก ต้องคอยระวังมิให้เจ็บป่วย คอยเอาอกเอาใจ เวลาซ้อมก็คอยถนอมตัวข้าพเจ้าไว้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ให้ตรากตรำมากนัก ในวันแข่งขันวันใด ไม่ว่าทั้งฟุตบอลและบาสเกตบอล ถ้าข้อเท้าข้าพเจ้าไม่ปรกติ ก่อนเข้าเครื่องแบบแกจะต้องเป็นผู้มาพันปลาสเตอร์ตบแต่งให้เอง ทำให้เรารู้สึกตัวว่าเรานี้เป็นคนสำคัญมาก
        โดยปรกติทุกมหาวิทยาลัย ทุกโรงเรียน จะต้องมีเกมใหญ่ของเขา ซึ่งถือเป็นเกมสำคัญ และแข่งขันเป็นเกมสุดท้ายของฤดูแข่งขันนั้น เกมใหญ่และสำคัญของโรงเรียน Gunnery คือเล่นกับโรงเรียน Canterbury ฉะนั้นในการแข่งขันฟุตบอลกับโรงเรียน Canterbury ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายที่ข้าพเจ้าเล่นให้โรงเรียนข้าพเจ้าก่อนไปเข้ามหาวิทยาลัย และปีนี้เป็นปีที่เราต้องไปเล่นที่สนามโรงเรียนเขา (คือผลัดกัน เพราะปีที่แล้วมาได้เล่นที่สนามโรงเรียนเรา) ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อทีมของเราไปถึงโรงเรียนนั้น นักเรียนโรงเรียนนั้น นักเรียนโรงเรียนนั้นอยากมาดูและรู้จักตัวข้าพเจ้ามาก เพราะเขาทราบว่าเป็นคนต่างชาติ ตัวเล็ก เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน ข้าพเจ้าเล่นฟุตบอล บาสเกตบอลเก่ง นักเรียนนับถือมากเพราะโรงเรียนกินนอนที่หรูๆดีๆ แถบนี้มีจำนวนก็มาก แต่ก็ไม่มีโรงเรียนใดที่มีชาวต่างประเทศเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียนเป็นที่นับหน้าถือตาของนักเรียน หรือเล่นกีฬาในทีมต่างๆ ตอนบ่ายถึงเวลาแข่งขันมีผู้คนมาดูมาก หนังสือพิมพ์ในเมือง New Milford (เมืองที่โรงเรียน Canterbury ตั้งอยู่) ได้ลงเรื่องการแข่งขันไว้ค่อนข้างยาว แต่ขอคัดลงบางตอนในที่นี้คือ "Sukhum was individual star for the Gunnery, He was in almost every play of the game and was great in both offensive and defensive play' (สุขุมเป็นดาราตัวเด่นแต่ผู้เดียวสำหรับโรงเรียน Gunnery เขาต้องเป็นผู้แสดงเกือบทุก play ตลอดเวลาแข่งขัน และได้แสดงอย่างน่าชมเชยทั้งเวลาที่เป็นฝ่ายรุกและฝ่ายรับ) "The Gunnery took the ball and Sukhum slipped around right end for 15 yards. A pass to Fenn gained 30 yards and then Sukhum again twisted his way around and for another 15 yards gain, R. Leavitt made 10 around end, and then Sukhum made 10 yards more and crossed the goal line, Sukhum kicked the goal." โรงเรียน Gunnery ได้ลูกบอลเป็นฝ่ายรุก สุขุมวิ่งพาลูกบอลไปทางรอบนอกทางขวาได้ ๑๕ หลา ส่งลูกไปให้เฟ็นได้อีก ๓๐ หลา แล้วสุขุมวิ่งพาลูกบอลลืไปทางรอบนอกได้อีก ๑๕ หลาอีกครั้งหนึ่งเลวิทพาไปได้ ๑๐ หลา แล้วสุขุมก็พาไปได้อีก ๑๐ หลาถึงหลักเส้นโกล (ได้คะแนน ๖ แต้ม) สุขุมเตะลูกเข้าโกล ได้คะแนนอีก ๑ แต้ม) "Canterbury kicked off to The Gunnery, and Sukhum ran the ball back 15 yards to thirty-five yards line. On Three line smashes they made first down and then on two end runs by Sukhum and Papp they made another. Sukhum and Papp were held and a pass by Papp was incomplete. Fenn, then, punted over the goal line giving the ball to Canterbury on the twenty yards line. Jackson immediately punted to their forty-five yards line, where Sukhum was downed. After failing to gain through the line, Sukhum made three yards around right end. Then, on a lateral pass form Sukhum to Papp, and a long forward pass to Limpijat, The Gunnery scored a touch-down. Sukhum kicked the goal. (โรงเรียน Canterbury เตะลูกไปให้โรงเรียน Gunnery สุขุมรับลูกแล้ววิ่งย้อนกลับได้ ๑๕ หลา ถึงเส้น ๓๕ หลา Gunnery บุก ๓ ครั้ง ก็ได้เกิน ๑๐ หลา ต่อจากนั้นสุขุมและแพ๊บวิ่งพาลูกไปรอบนอกคนละครั้งได้อีกเกิน ๑๐ หลา สุขุมและแพ๊บถูกคุมอยู่จึงพยายามส่งลูกแต่ไม่สำเร็จ เฟ็นจึงต้องเตะลูก แต่เลยเส้นโกลไป ลูกจึงกลับมาเป็นของฝ่ายโรงเรียน Canterbury เป็นฝ่ายรุกตั้งต้นบนเส้น ๒๐ หลา แจ๊กสันเตะลุกมาถึง ๔๕ หลา ซึ่งสุขุมเป็นผู้รับแล้วถูกจับตัวอยู่ที่นั้น เมื่อพยายามบุกครั้งหนึ่งไม่ได้ผล สุขุมจึงพาลูกไปทางรอบนอกทางขวาได้ ๓ หลา ต่อจากนั้นสุขุมส่งลูกให้แพ๊บ แพ๊บส่งต่อให้ลิมปิชาติ โรงเรียน Gunnery ได้อีก ๖ แต้ม แล้วสุขุมได้เตะลูกเข้าโกลอีก (ได้อีก ๑ แต้ม) "Canterbury kicked off to Sukhum who was down in histracks by Binns. Sukhum gained eighteen yards around right end. Sukhum tore off fiveyards around left. (โรงเรียน Canterbury ได้เตะลูกไป สุขุมเป็นผู้รับ แต่ถูกจับตัวโดยบินส์ ต่อจากนั้นสุขุมได้พาลูกไปทางรอบนอกทางขวาได้ ๑๘ หลา แล้วสุขุมได้พาลูกบอลไปทางรอบนอกทางซ้ายอีก ๕ หลา) Sukhum added eight more around end (สุขุมวิ่งพาลูกไปทางรอบนอกอีก ๘ หลา) Sukhum raced through guard for six more yards (สุขุมบุกข้ามเส้นศัตรูได้อีก ๖ หลา) ฯลฯ เฉพาะเกมนี้เกมเดียวก็ยังมีข้อความเกี่ยวกับข้าพเจ้าอีกมากแต่ก็คล้ายๆ กันจึงขอลงไว้เพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องราวในเกมอื่นๆ นั้นยังมีอีกมาก ถ้าจะนำมาลงทั้งหมดก็จะต้องเปลืองอีกหลายสิบหน้ากระดาษ

การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียน Gunnery ตลอดฤดูกาลปรากฏผลดังนี้

Gunnery 24 Riggs 0
Gunnery 45 Danbury 0
Gunnery 66 Sanford 6
Gunnery 7 Berkshire 7
Gunnery 50 Republic 6
Gunnery 32 Ridgefield 0
Gunnery 7 Crosby 6
Gunnery 25 Washington 0
Gunnery 13 Torrington 7
Gunnery 13 Westminster 7
Gunnery 18 Canterbury 0

ปีนี้นายเจียม ลิมปิชาต(รูปภาพ) ได้ไปอยู่โรงเรียนด้วย เล่นกีฬาเก่งมีชื่อเสียงเช่นกัน จึงทำให้ประชาชนโดยมากเห็นว่าคนไทยนี้เล่นกีฬาเก่งมาก

๔๕. การควบคุมนักเรียน

       การควบคุมความประพฤติของนักเรียนรุ่นใหญ่ใน Dormitory นี้หนักใจข้าพเจ้าไม่น้อย เพราะเด็กอเมริกันซนเหลือเกิน แล้วชอบสนุกเสียด้วย เช่นเวลาเข้านอนสี่ทุ่มให้ปิดไฟ ข้าพเจ้าได้จัดเวรประจำวันให้ไปเคาะประตูหรือตรวจดูว่านักเรียนเข้านอนเรียบร้อยทุกคนหรือไม่ สี่ทุ่มห้านาทีเวรมารายงานข้าพเจ้าว่า อยู่ครบถ้วนเรียบร้อยดี แต่ที่ไหนได้ บางคนก็หนีออกไปเที่ยว ครั้นเราจะเอาเรื่องก็ต้องเกิดความไม่พอใจกันขึ้นบ้างเมื่อไม่มีผู้ใดฟ้องร้องมาเราก็ทำไม่รู้เสียเลย บางคืนเขานัดกันเล่นสนุกภายหลังปิดไฟอยู่ในเตียงแล้ว คนหนึ่งตั้งต้นเรอเสียงดังลั่นอยู่ชั้น ๓ ได้ยินลงมาถึงชั้น ๑ แล้วคนอื่นก็เอาอย่างเสียงเรอลั่นตึกไปหมด ข้าพเจ้าต้องลุกขึ้นไปเอ็ดพวกนี้ แต่ก็ดีที่นักเรียนเหล่านี้ รู้สึกเกรงใจข้าพเจ้ามาก เมื่อเอ็ดกันแล้วก็หยุด
        ตอนเช้าเป็นหน้าที่ข้าพเจ้าเป็นคนสั่นระฆังปลุกนั้น ข้าพเจ้าก็หนักใจมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นคนชอบนอนตื่นสายอยู่แล้ว กลัวจะนอนเลยเวลาไปจะเสียผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าผิดเวลา ได้กระทำหน้าที่ให้เป็นอย่างดีตลอดปี แต่ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้ต่อสายไฟฟ้าสั่นระฆังมาอยู่หัวนอนทีเดียว ได้เวลาก็เอื้อมมือไปกดปุ่มไฟฟ้านั้น

๔๖. นักเรียนโรงเรียนหญิงสมัครเป็น "คนชอบพอ"

       ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวมาแล้ว เมื่อมาอยู่โรงเรียนนี้เป็นปีแรกว่านักเรียนโรงเรียน Gunnery และนักเรียน Wykeham Rise มีการเลือกคู่ "คนชอบพอ" กัน เพื่อเขียนจดหมายติดต่อถึงกันแทบทุกวัน และเพื่อไปร่วมสนุกกันในงานเต้นรำ ฯลฯ สำหรับตัวข้าพเจ้านั้นไม่เคยกล้าไปเลือกคู่กับเขา เพราะมีความรู้สึกอยู่หลายประการตามที่เคยกล่าวมาแล้วข้างต้น ข้อที่สำคัญที่สุดคือ เราเป็นคนต่างชาติต่างผิว ทำไปเลือกใครเข้าโดยเขียนจดหมายถึง ถ้าเขาไม่ตอบเราก็ขายหน้าเพื่อนฝูงแย่ อย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า ไม่มีคนชอบพอที่โรงเรียน Wykeham Rise ไม่ทำให้เราเดือดร้อนอะไร แต่ปีนี้โดยที่ข้าพเจ้าได้เป็นใหญ่เป็นโตในโรงเรียนมีชื่อเสียงดี เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน เป็นดาราฟุตบอลรัศมีจึงเกิดเด่นขึ้นมา คือมีนักเรียน Wykeham Rise ถึง ๓ คนมีจดหมายถึงข้าพเจ้าก่อนเป็นทำนองสมัครเป็น "คนชอบพอ" ข้าพเจ้าก็เลยตอบทั้ง ๓ คน แต่ได้แสดงความสนิทสนม (ทางจดหมาย) กับคนหนึ่งชื่อ "ลูซี" ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าสวย และน่ารักมาก ต่อจากนั้นอีก ๒ คนก็ค่อยๆห่างไป ลูซีกับข้าพเจ้าได้เป็น "คนชอบพอ" กันทางจดหมายอย่างสนิทสนมมาก ใช้ภาษารักกันอย่างรุนแรง แต่สำหรับตัวไม่ค่อยจะคุ้นกันเท่าใดนักเพราะไม่สู้จะมีโอกาสได้พบปะกันเลย นอกจากมองดูกันเวลาไปวัดวันอาทิตย์ และเวลาเขามาดูข้าพเจ้าเล่นฟุตบอล และบาสเกตบอล ซึ่งเขาให้กำลังใจข้าพเจ้ามากทีเดียว ได้มีโอกาสพบตัวจริงๆ เพียงสองครั้งเท่านั้น คือในงานเต้นรำของโรงเรียน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบว่าเพื่อนนักเรียนเขาไม่มีใครดูถูกเขาเลยในการที่เขามี "คนชอบพอ" เป็นคนต่างผิวตรงกันข้ามเพื่อนนักเรียนกลับชมเชยว่าโชคดีที่ได้มี "คนชอบพอ" เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน ตัวลูซีเองก็เป็นคน popular คนหนึ่งในโรงเรียนของเขา

๔๗. ไปเที่ยววอชิงตัน และฉลองปีใหม่ ๑๙๒๒ ที่ฟิลาเดลเฟีย

       เดือนธันวาคมโรงเรียนหยุดคริสต์มาส คุณประสบ คุณประสาท และเพื่อนอเมริกันคนหนึ่งมารถยนต์ของคุณประสบ มาแวะรับข้าพเจ้าเพื่อเดินทางไปพักที่กรุงวอชิงตัน เพื่อนอเมริกันนั้นบ้านอยู่ฟิลาเดลเฟีย เขาชวนเราไปพักที่บ้านเขาก่อน ขี่รถเปิดประทุน หน้าหนาวมันหนาวจริง สามคนนั้นมาพักอยู่ที่โรงเรียนข้าพเจ้าคืนหนึ่ง บ่นกันว่าอากาศสบายดี แต่มันเงียบเหงาเหลือเกิน ตกกลางคืนก็มืดไปหมด นี่แหละพวกชาวกรุง พอออกไปถึงหัวเมืองเล็กๆ ก็ต้องบอกอย่างเดียวกันทั้งนั้น รุ่งเช้าเราก็ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อให้ถึงฟิลาเดลเฟีย ในวันนั้น ซึ่งต้องเดินทางผ่านกรุงนิวยอร์ค อันที่จริงหนทางก็เพียง ๒๐๐ ไมล์เท่านั้น เราได้พักอยู่ที่บ้านเพื่อนคนนั้นหนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็เดินทางไปกรุงวอชิงตันต่อไปถึงตอนบ่าย ได้ไปพักอยู่ที่สถานทูต ไม่ได้เห็นกรุงวอชิงตัน ๓ ปีเศษดีใจที่ได้กลับมาเห็นอีก และรู้สึกว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง คือมีตึกรามมากขึ้น มีถนนและสะพานใหญ่ๆ เพิ่มขึ้นหลายแห่ง
        สถานทูตได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่ถนน Kalorama สถานทูตเก่านั้นเป็นตึกเช่า แต่อันนี้เป็นของเราเอง คือเราซื้อที่แล้วปลูกขึ้นใหม่ เป็นตึก ๔ ชั้น ดูจากด้านหน้าก็สง่าดีดูใหญ่โตพอใช้ แต่ค่อนข้างจะบางหน่อย คือโผล่ประตูหน้าเข้าไปก็เห็นประตูหลังอยู่ใกล้ๆ ชั้นล่างเป็นสถานที่ทำงาน-ด้านหนึ่ง มีห้องโถงรับแขกอยู่ตอนกลาง และครัวอยู่อีกด้านหนึ่งชั้นสองมีห้องรับแขกของราชทูต ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงานของราชทูต ชั้นสามมีห้องนอนของราชทูตและครอบครัวและห้องนอนว่างไว้สำหรับรับแขก ชั้นสี่มีห้องนอนหลายห้องสำหรับแม่บ้านหรือเลขานุการสถานทูต ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีชั้นใต้ถุนสำหรับคนใช้ คนครัว หลังตึกมีโรงรถและมีสนามเทนนิส
        ระหว่างพักอยู่กรุงวอชิงตันประมาณ ๗ วันนี้ ได้เที่ยวอย่างสนุก ดูภาพยนตร์ ดูละคร ฯลฯ และที่ดีที่สุดก็คือได้ชิมเหล้าดีๆ ในสถานทูต เพราะในอเมริกาขณะนั้นห้ามขายเหล้า มีแต่เหล้าเถื่อนซึ่งหายาก แพง และไม่ดีด้วย ได้ไปเยี่ยม "ยายไก่" เจ้าของบ้านที่เคยอยู่กับแกเมื่อ ๓ ปีมาแล้ว มาบัดนี้แกได้ย้ายไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง ได้พบกับมากาเร็ตซึ่งโตเป็นสาวและสวยเสียด้วย ได้เชิญเขาไปดูภาพยนตร์และเต้นรำครั้งหนึ่ง
        ภาพยนตร์ของอเมริกันนั้นเป็นที่รับกันอยู่ว่า ทำดีที่สุดในโลก มีบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัท เรื่องหนึ่งๆ ลงทุนกันมากๆ เขาให้เงินผู้แต่งเรื่อง ผู้แสดง และผู้กำกับการแสดงอย่างงาม และพวกนี้มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แสดง ขณะนั้น (ซึ่งมีแต่ภาพยนตร์ไม่มีเสียง) ข้าพเจ้าชอบเรื่องภาพยนตร์อยู่ ๒ ชนิด คือเรื่อง Cowboy ขี่ม้ายิงกัน ต่อยกัน และเรื่องโลดโผน เช่นเรื่องที่ Douglas Fairbanks แสดง รู้สึกมันทันใจดีเรื่องรักๆโศกๆ มันยืดยาดนัก
        ระหว่างที่พักอยู่ในสถานทูตนี้ มีเรื่องขำๆ เท่าที่จำได้คือ พวกเราพักอยู่ห้องชั้น ๔ เจ้าคุณทูตอยู่ชั้น ๓ เวลาที่พวกเราไปเที่ยวกลับมาดึกๆ ก็ค่อยๆ ย่องขึ้นบันใดหลัง บันใดเจ้ากรรมก็ต้องดังทุกครั้งที่เราเดินผ่านมัน เจ้าคุณทูตเป็นคนนอนไวต้องตื่นทุกครั้งเหมือนกัน ท่านก็ร้องตะโกนถาม "นั่นใคร" "กระผมครับ" ข้าพเจ้าตอบ ท่านก็ต่อว่า "อะไรดึกดื่นแล้วยังไม่หลับไม่นอน เราก็นึกว่าท่านจะให้รีบขึ้นไปนอน แต่ตรงกันข้ามท่านกลับร้องเรียกให้ไปคุยกับท่านก่อน นั่งคุยกันอยู่เป็นนานท่านก็ลุกขึ้นชวนพวกเราลงไปในครัวหุงข้าวต้มรับประทานกัน ผลที่สุดเรากลับมาตีหนึ่ง ท่านว่าเที่ยวดึกดื่นไม่หลับไม่นอนนั้นกว่าเราจะได้นอนเกือบตีสี่เพราะท่านเอง อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เจ้าคุณทูตได้เชิญแขกหลายคนมารับประทาน Cocktails ท่านได้ขอให้ข้าพเจ้าช่วยรับแขกด้วย แล้วท่านก็รินเหล้าชนิดหนึ่งให้ข้าพเจ้าต่อหน้าแขก แล้วก็ดื่มกัน จะเป็นเหล้าชนิดวิเศษอะไรไม่ทราบและคงจะเก่าแก่มากจึงมีความแรงเหลือเกิน พอเหล้านั้นถูกริมฝีปากข้าพเจ้า ริมฝีปากก็แทบจะเกรียมไหม้ไปเลยทีเดียว ข้าพเจ้าจึงค่อยๆหาโอกาสวางถ้วยหล้านั้น แล้วหนีลงไปพักผ่อนริมฝีปากในห้องชั้นล่าง ต่อมาอีก ๒-๓ นาที เจ้าคุณทูตท่านเห็นถ้วยเหล้าของข้าพเจ้าวางอยู่บนโต๊ะโดยเหล้าไม่พร่องไปบ้างเลย ท่านก็หยิบโทรศัพท์ต่อไปห้องชั้นล่าง ขอพูดกับข้าพเจ้าแล้วท่านก็สั่งให้ขึ้นมากินเหล้าเสียให้หมดถ้วย บอกว่าของเขาดีๆ แพงๆมากินทิ้งไว้อย่างนี้ไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงต้องขึ้นไปหยิบถ้วยเหล้าข้าพเจ้าแล้วเดินไปเดินมาได้โอกาสก็ให้กระโถนดื่มของมีราคาแทน เพราะถ้าดื่มเองแล้ว นอกจากริมฝีปากจะไหม้แล้ว คงต่อไปถึงลิ้นคอและลำไส้ต่อไปอีกด้วย
        วันที่ ๓๑ ธันวาคม เดินทางกลับ ได้ไปพักที่บ้านเพื่อนคุณประสบคนนั้นที่ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งอยู่ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย (ระยะทางจากกรุงวอชิงตันประมาณ ๑๖๐ ไมล์ เพื่อดูงานรื่นเริงส่งปีเก่ารับปีใหม่ (๑๙๒๒) ในคืนวันนั้นพอตกกลางคืนเราก็ออกเที่ยวกัน เขายกให้น้องสาวของเขา ซึ่งหน้าตาไม่เลวเป็น partner คุณประสบ ส่วนคุณประสาทกับข้าพเจ้านั้นเขาไปหาเพื่อนผู้หญิงของเขามาอีก ๒ คนให้มาเป็น partner เพราะเป็นธรรมเนียมของเด็กนักเรียนอเมริกันจะไปเที่ยวไหนต้องพยายามหาผู้หญิงไปด้วย ตอนเวลาสองยามล่วงแล้ว ในเมืองสนุกสนานครึกครื้นมาก ถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คนและเสียงดังสนั่นไปหมด ตามโรงเต้นรำก็มีโปรแกรมพิเศษสำหรับคืนวันนี้ รุ่งขึ้นวันที่๑ มกราคม เดินทางกลับบอสตัน
        เมื่อฟิลาเดลเฟียนี้เป็นเมืองสำคัญ และเป็นเมืองใหญ่ที่สามในสหรัฐอเมริกา มีพลเมืองสองล้านคน อยู่ใต้เมืองนิวยอร์คประมาณ ๙๐ ไมล์ และเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นเมืองที่สหรัฐเมริกาประกาศเป็นเอกราช เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ค.ศ.๑๗๗๖

๔๘. เป็นผู้ฝึกสอน และเป็นผู้จัดการทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน

       ต้นเดือนมกราคมโรงเรียนเปิด กลับไปโรงเรียนถึงฤดูการแข่งขันบาสเกตบอล ซึ่งบังเอิญปีนี้ไม่มีครูควบคุมสอนเกมนี้ เพราะคนเก่าลาออกไปอยู่โรงเรียนอื่น ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการและเคยเล่นอยู่ในทีมมา ๒ ปีแล้ว จึงต้องเป็นครูสอนและควบคุมอีกด้วย เลยเป็นทั้ง Coach และ Playing Mannager เวลาไปแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆ ที่พื้นโรงเรียนอื่น อาจารย์ใหญ่มอบให้ข้าพเจ้าเป็นผู้คุมทีมเดินทางไป โรงเรียนอื่นแปลกใจมากที่เห็นทีมมาโดยไม่มีครูคุมมาด้วย และยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกพอทราบว่า นักเรียนไทยเป็นผู้คุมทีมมา ในการเล่นบาสเกตบอลนี้หนังสือพิมพ์ได้ลงชมเชยข้าพเจ้าเสมอเช่นฉบับหนึ่งลงว่า "This Member of the Orient showed real class as a basketball player. He was both tricky and flashy in last night's contest and had the visiting befense working hard at every stage of the game trying to stop him from scoring" (ชาวตะวันออกผู้นี้ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เป็นผู้เล่นบาสเกตบอลได้อยู่ในชั้นเยี่ยมเขามีทั้งวิธีการแปลกๆ และมีความว่องไวในการแข่งขันเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้ผู้เล่นอีกฝ่ายหนึ่งต้องทำงานหนักทุกระยะตลอดเวลาแข่งขัน เพื่อควบคุมมิให้เขาทำแต้มได้)
        วิธีเล่นบาสเกตบอลนี้ก็มีอยู่ว่า ต้องพยายามโยนลูกให้เข้าบ่วงของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้มากที่สุด โดยเข้าครั้งหนึ่งก็ได้ ๒ แต้ม และถ้าฝ่ายใดหรือผู้ใดเล่นผิดกฎ เช่นวิ่งถือลูกเกิน ๒ ก้าว โดยไม่ตบลูกลงพื้นหรือไม่ส่งให้ผู้อื่น หรือเล่นหยาบ ไปผลัก หรือดึง ฯลฯ ดังนี้ ก็ต้องถูกทำโทษโดยให้อีกฝ่ายหนึ่งโยนลูกเข้าบ่วงฟรีโดยยีนห่างจากบ่วง ๑๕ ฟุต ถ้าโยนเข้าก็ได้ ๑ แต้ม เกมนี้เร็วทันใจ เพราะผู้เล่นต้องวิ่งตลอดเวลา ต้องส่งลูกกันโดยว่องไว ต้องมี team work กันมาก
        บาสเกตบอลเกมนี้ นายเจียม ลิมปิชาติ เล่นได้ดีมาก เป็นดาราชั้นเยี่ยมของทีมโรงเรียนเรา และในทีมโรงเรียนของเรา ซึ่งมีจำนวนคนเล่นเพียง ๕ คน เป็นคนไทยเสีย ๒ คน ทำให้ฝรั่งแปลกใจกันมาก
        การฝึกซ้อมบาสเกตบอลนี้ข้าพเจ้ากวดขันและเอาจริงเอาจังมาก ผู้เล่นทุกคนต้องเชื่อฟัง สั่งอะไรแล้วต้องทำ team work ของบาสเกตบอลไม่ใช่แต่ว่าให้ส่งลูกให้กันเท่านั้น แต่ทุกๆอิริยาบทต้องมี signal คือ มีผู้ให้สัญญาณ ทุกๆคนในทีมของเราต้องคอยดูผู้ให้สัญญาณซึ่งเขาอาจเสยผม หรืออาจดึงกางเกง หรืออาจเกาที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งการกระทำนั้นๆ แต่ละอย่างมีความหมายให้พวกเราทำอะไรบ้าง ใครต้องไปคอยรับลูกที่ใดแล้วต้องส่งต่อให้ใคร team work อย่างนี้สำคัญมาก ต้องการฝึกซ้อมอย่างจริงจังและให้แน่นอนทีเดียว เรื่องการเล่นกีฬานี้เด็กอเมริกันเอาจริงเอาจังกันมาก แล้วต้องเล่นได้ดีจริงๆด้วย จึงจะได้เข้าอยู่ในทีม ถ้าไม่เก่งจริงหรือไปเล่นอย่างเป็นแล้วน่าอายคนดูมากเพราะคนดูนัยน์ตาสูงในเรื่องดูการแข่งขันกีฬา
        สถานที่เล่นก็มีส่วนสำคัญในการแข่งขันบาสเกตบอล เพราะ "ยิมเนเซียม" บางโรงเรียนเล็กบ้าง ใหญ่เกินไปบ้าง เพดานเตี้ยไปบ้าง ดังนี้ ทำให้คนเล่นที่ไม่คุ้นฉงนได้มาก ฉะนั้นในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการของทีมด้วย จึงพยายามจัดให้ทีมโรงเรียนต่างๆ โดยมากมาเล่นที่โรงเรียนเรา ซึ่งเราคุ้นกับสถานที่ โดยออกค่าใช้จ่ายให้เขา
        ข้าพเจ้าเคยได้รับจดหมายชมเชยจากคนดูหลายฉบับ ทั้งในการเล่นฟุตบอลและบาสเกตบอล

ผลของการแข่งขันบาสเกตบอลตลอดฤดู ปรากฏดังนี้

Gunnery 75 washington 12
Gunnery 67 St. Johns 21
Gunnery 42 Mohawks 10
Gunnery 53 Sanford 13
Gunnery 61 New Milford 10
Gunnery 30 Pioneers 15
Gunnery 16 Waler own 3
Gunnery 36 Riggs 14
Gunnery 22 Wilby 23
Gunnery 18 Taft 43
Gunnery 46 Ridgefield 36
Gunnery 29 Roxbury 36
Gunnery 63 Terryville 19
Gunnery 22 Ramblers 20
Gunnery 35 Wesleyan'25 44
Gunnery 74 Goshen 19

๔๙. ได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินการแข่งขันบาสเกตบอลของโรงเรียนหญิง

       โดยเหตุที่ข้าพเจ้าได้เล่นอยู่ในทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน Gunnery มา ๓ ปีแล้ว และในปีสุดท้ายนี้ก็ได้เป็นผู้ควบคุม (Coach) อีกด้วย คืนวันหนึ่งทีมบาสเกตบอลหญิงของโรงเรียน Washington High School จะแข่งขันกับทีมหญิงของโรงเรียน Watertown High School ซึ่งเป็นการแข่งขันใหญ่และสำคัญของสองโรงเรียนนี้ที่ใน Gymnasium ของโรงเรียน Washington ทางการโรงเรียนเขาได้มาเชิญให้ข้าพเจ้าไปเป็นผู้ตัดสิน ในชั้นแรกข้าพเจ้าจะไม่รับ เพราะการเป็นผู้ตัดสินนี้ลำบากมาก หนีจากการถูกด่าจากทั้งสองฝ่ายไม่ค่อยพ้น แต่ทางการของโรงเรียนเขาอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีกข้าพเจ้าจึงรับปาก และได้ไปขออนุญาตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนข้าพเจ้า พอถึงเวลาแข่งขันข้าพเจ้าก็ลงไปยังกลางพื้นเป่านกหวีด คนดูเต็มไปหมดตั้งหลายร้อยคน คืนวันนั้นข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้ตัดสินดูเหมือนจะประหม่ามากไปกว่าแม่สาวๆที่จะเข้าแข่งขันไปเสียอีก หน้าที่ของผู้ตัดสินวันนั้นก็ได้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย คนดูก็คงจะแปลกใจที่เห็นคนไทยซึ่งเป็นชาวตะวันออกเป็นผู้ตัดสินในการแข่งขันวันนี้

๕๐. บิดามารดาของเพื่อนได้จัดให้มีงาน Reception เพื่อเป็นเกียรติยศที่นิวยอร์ค

       เดือนเมษายน (๒๔๖๕) โรงเรียนหยุด Easter Vacation Mr. & Mrs. Melius ได้เชิญไปพักที่เมืองนิวยอร์คเช่นเคย และในการเชิญคราวนี้โดยที่ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน เขาจึงได้จัดให้มีงาน Reception ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ข้าพเจ้า โดยเชิญหนุ่มสาวหลายสิบคนมารับประทานอาหาร เต้นรำ และมี House Party Games กันอย่างสนุกสนาน ข้าพเจ้าได้พักอยู่นิวยอร์ครวม ๑๐ วัน ซึ่งได้เที่ยวกับพวกเพื่อนฝรั่งอย่างสนุก ไปแทบทุกแห่ง สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งเราไปเสมอเพราะเป็นที่ชุมนุมชนมากที่สุดในกรุงนิวยอร์ค โดยมีโรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงเต้นรำ และร้านขายของมากมาย คือ Time Square อยู่ถนน Broadway และถนนที่ ๔๒ ตัดผ่านกัน ยิ่งในเวลากลางคืนแล้วที่นี้สวยงานอย่างที่ไม่เคยพบเห็นที่ใดในโลกนี้ ไฟฟ้าสีต่างๆสว่างไสวไปสุดหู สุดตา การแจ้งความทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไฟฟ้าสีทั้งนั้น
        ถึงกำหนดเวลาโรงเรียนเปิดก็ได้กลับโรงเรียน ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายของข้าพเจ้าในโรงเรียนนี้ ได้พยายามเรียนเพื่อรับ Diploma
        การไปศึกษาวิชา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าเป็นนักเรียนส่วนตัว คือบิดาส่งไปโดยทุนของท่านเองตลอดมา และในปีนี้คือ พ.ศ.๒๔๖๕ ได้โอนเป็นนักเรียนหลวง สังกัดกระทรวงพาณิชย์

๕๑. ได้รับเลือกเป็นผู้ที่ "ดี" ที่สุดในโรงเรียน

       ก่อนโรงเรียนปิดได้มีการคัดเลือกประจำปีว่า นักเรียนผู้ใดนิสัยใจคอ ความประพฤติ ความคิดอ่าน การปฏิบัติ ความกว้างขวางเป็นอย่างใด และได้ทำอะไรให้แก่โรงเรียนบ้าง ใครสวยที่สุด ใครเล่นกีฬาเก่งที่สุด ใครขี้เกียจที่สุด ใครหนวกหูที่สุด ใครกินจุที่สุด ใครเต้นรำดีที่สุด ใครพูดเก่งที่สุด ใครตกมากที่สุด ใครไม่มีประโยชน์ที่สุด ใครรักผู้หญิงมากที่สุด ใครเกลียดผู้หญิงมากที่สุด ฯลฯ โดยนักเรียนเป็นผู้ให้คะแนนเลือกสำหรับตัวข้าพเจ้าเกิดเป็นคนวิเศษขึ้นมาได้ในโรงเรียนนี้ โดยได้รับเลือกเป็นที่หนึ่งในหัวข้อต่อไปนี้

(1) Done most for School (ทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียนมากที่สุด)
(2) Most popular (กว้างขวางที่สุด)
(3) Squarest (ยุติธรรมที่สุด)
(4) Most loyal (ซื่อสัตย์ที่สุด)
(5) Best All-round man (รอบตัวที่สุด)
(6) Most dependable (ไว้วางใจได้ดีที่สุด)
(7) Most Gentlemanly (สุภาพบุรุษที่สุด)
(8) Most Tactful (รอบคอบในการพูดจาที่สุด)
(9) Best Natured (อารมณ์ดีที่สุด)
(10) Man of the hour (ตรงต่อเวลาที่สุด)

       เฉพาะข้อ (๑) และ (๒) นั้น ข้าพเจ้าได้ Unanimous Votes คือได้คะแนนเต็มนักเรียนทุกคนโหวดให้ ไม่ได้มีนักเรียนคนใดโหวตให้คนอื่นเลย ข้าพเจ้าดีใจและปลื้มใจมาก ที่นักเรียนทั้งโรงเรียนให้เกียรติยศแก่ข้าพเจ้าอย่างสูงสุด เพราะในการเลือกทุกๆปี แม้ฝรั่งเองก็ไม่เคยได้ที่หนึ่งในหัวข้อดีๆ มากเท่านี้ ต่างเป็นของคนนั้นบ้าง ของคนนี้บ้าง แต่ในปีนี้ข้าพเจ้าได้ตั้ง ๑๐ อย่างและเป็นหัวข้อที่ดีทั้งนั้น มาคิดดูอีกทีว่าชาวอเมริกันนี้ก็ดีมาก ถ้าชอบและนับถือใครก็ยกย่องอย่างเต็มที่ แม้เป็นชาวต่างผิวก็ไม่กันท่า
        ข้าพเจ้ารู้สึกว่า การอบรมที่ข้าพเจ้าได้รับมาจากเมืองไทย คือการอบรมจากบิดามารดาในเรื่องมารยาท ในเรื่องให้มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้รู้จักที่สูงที่ต่ำ ให้รู้จักกาลเทศะ ฯลฯ การสั่งสอนทางพระพุทธศาสนา และการอบรมจากโรงเรียนประจำ คือโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ให้ทำอะไรด้วยตนอง ให้อารีอารอบต่อเพื่อนฝูง ฯลฯ เหล่านี้ ได้มีประโยชน์แก่ตัวข้าพเจ้ามาก ประกอบด้วยนิสัยคนไทยส่วนมากสุภาพเรียบร้อย เมื่อเปรียบเทียบกับชนชาติอื่นๆ นี่แหละข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเรียนนี้ทั้งโรงเรียนรักใคร่ นับถือ และยกย่องข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก

๕๒. เป็น Hero ของบรรดาหญิงสาว

       ในระหว่างปีนี้มีเรื่องแปลกๆ เช่นได้รับจดหมายแสดงความรักใคร่ชอบพอและชมเชยจากผู้หญิงหลายคนทั้งในเมืองนี้และเมืองอื่นๆ โดยมากไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าแต่เขาบอกว่าเขาเป็น Admirer ของเรา ขอให้เราตอบจดหมาย บางคนก็ขอรูป บางคนก็ส่งรูปเขามาให้ก็มี เรื่องมีจดหมายถึงผู้มีชื่อเสียงโดยไม่รู้จักตัวคนนั้นเป็นเรื่องของชาวอเมริกันเขา เกือบจะว่าเป็นขนบธรรมเนียมก็ได้
        ข้าพเจ้าได้ทราบว่ามีเด็กหญิงในเมืองนี้หลายคน ทะเลาเบาะแว้งกันแย่งตัวข้าพเจ้าลับหลัง ต่างคนต่างก็ว่าเป็นของเขา ทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่รู้ตัวเลย บางคนถึงกับแสดงตัวและขอให้เพื่อนๆ เรียกตัวเขาว่า Sukie ซึ่งเป็นชื่อที่นักเรียนเรียกข้าพเจ้า นี่จะเห็นได้ว่าประเพณีบูชา Hero ในประเทศอเมริกานี้รุนแรงมาก แม้เด็กผู้หญิงอายุ ๑๔-๑๕ ตามบ้านนอกก็พลอยถือประเพณีนี้โดยเคร่งไปด้วย
        มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Beatrice อายุประมาณ ๑๖-๑๗ ปี มีหนังสือมาถึงข้าพเจ้าแสดงความชอบพอ และชมเชยต่างๆ นานา เช่นว่าทุกๆ ครั้งที่มีการแข่งขันกีฬาเขาเป็นต้องมาดูข้าพเจ้าเล่น แล้วว่าข้าพเจ้าเป็น hero ของเขา ข้าพเจ้าก็ถามไปว่าเหตุใดจึงมาชอบคนเช่นข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนต่างชาติ ฯลฯ เขาก็ตอบโดยให้เหตุผลหลายข้อหลายประการว่า เพราะ 1. You're very polite 2. You have a wonderful reputation 3. You have a good character 4. You are a good athlete 5. You are Popular 6. Many girls admire you therefore I like to compete 7. You have wonderful eyes and there's something attractive about you etc. (๑. ท่านมีกิริยามารยาทอ่อนโยนมาก ๒. ท่านมีชื่อเสียงดีมาก ๓. ท่านมีนิสัยดี ๔. ท่านเล่นกีฬาเก่ง ๕. ท่านเป็นคนกว้างขวาง ๖. หญิงสาวจำนวนมากนิยมท่าน ฉะนั้น ฉันจึงใคร่เข้าแข่งขันกับเขาด้วย ๗. ท่านมีดวงตางามและมีอะไรน่ารักอยู่ในตัว ฯลฯ) และเขาว่าผู้หญิงทุกคนเห็นข้าพเจ้าเป็น Angel ข้าพเจ้ายังเก็บจดหมายเหล่านี้ไว้ นานๆ เอาออกมาอ่านทีก็เพลินดี

๕๓. ความเป็นอยู่ของนักเรียนประจำในโรงเรียนนี้

       ชีวิตเป็นนักเรียนประจำในโรงเรียนกินนอนนี้ ที่อยู่กันได้โดยต่างคนต่างพอใจได้รับความสนุกเพลิดเพลินก็เห็นจะเป็นด้วยการเพื่อนฝูงที่รักใคร่กันมากๆ มี Spirit ในการรักหมู่รักคณะ มีการแข่งขันกีฬาตลอดปี ซึ่งรวมกีฬาทุกชนิดแล้วตกปีละไม่ต่ำกว่า ๓๐ เกมเหล่านี้ นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไร โรงเรียนตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนยอดเขา ตกกลางคืนก็เงียบเชียบทีเดียว คืนวันเสาร์จึงจะได้ ลงไปในเมือง (ที่สถานีรถไฟ) เพื่อไปดูภาพยนตร์ (ไม่มีเสียง) โรงภาพยนตร์ก็เล็กนิดเดียว จะพังไม่พังแหล่ จุคนได้สัก ๑๐๐ กว่าคน มีเครื่องฉายเครื่องเดียว หมดม้วนทีไฟก็เปิดเพื่อเปลี่ยนม้วนใหม่ ในเมืองนี้นอกจากโรงภาพยนตร์ก็มีร้านอีก ๕-๖ ร้านคือ ๑. ร้าน General Store ขายของเบ็ดเตล็ดทุกอย่างตามที่ชาวบ้านนอกต้องการ ๒. ร้านขายเนื้อสด ๓. ร้านขายผลไม้ ๔. ร้านตัดผม ๕. ร้านถ่ายรูป ๖. ร้านช่างฟิตสำหรับเครื่องเหล็กและท่อน้ำ สำหรับร้านที่ ๕ กับ ๖ นั้น อยู่กับบ้านไม่เป็นร้าน แต่มีป้ายติดหน้าบ้าน แต่อย่างไรก็ดีแม้จะเป็นเมืองขนาดเล็กเท่าใดเขาก็มีไฟฟ้า มีน้ำประปาใช้ แม้โรงเรียนข้าพเจ้าซึ่งอยู่โดดเดี่ยวบนยอดเขาแต่ก็มีไฟฟ้า มีน้ำประปาใช้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเสียอีก น้ำร้อนก็มีใช้ตลอดเวลา ในฤดูหนาวก็มีเครื่องอบอุ่นทุกห้อง
        โรงเรียนนี้มีอะไรดีอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือใกล้ๆกับโรงเรียนเดินเพียง ๒ นาทีก็ถึง มี Drug Store อยู่ร้านหนึ่ง ขายเครื่องยาและเครื่องสำอาง แต่ที่ดีมากเพราะมี Soda Fountain คือมีไอศกรีมและเครื่องดื่ม น้ำหวานขาย พวกนักเรียนไปร้านนี้กันเกือบไม่ขาดสาย เพราะไม่ต้องขออนุญาต อย่าไปเวลาเรียนหนังสือก็แล้วกัน ข้าพเจ้าต้องไปกินช็อกโกเลตเขย่ากับนมสดเป็นประจำ
        ตลอดปีนี้ในฐานะที่เป็น President Student Council ข้าพเจ้าต้องเรียกประชุมนักเรียนหลายครั้งหลายคราว เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องกฎข้อบังคับของโรงเรียนที่ต้องปฏิบัติ ฯลฯ การประชุมเหล่านี้ไม่เชิญครูคนใดเข้าร่วมด้วยเลย เพราะการปกครองนักเรียนตามระเบียบที่ปฏิบัติกันมามอบให้นักเรียนปกครองตนเอง โดยมี Student Council เป็นผู้รับผิดชอบ
        การเป็น President Student Council จะเรียกว่าดีก็ดี หรือจะว่าไม่ดีก็ไม่ดี ตัวอย่างที่ดีเช่นวันไหนที่ไม่ใช่วันเสาร์มีภาพยนตร์พิเศษดีๆ มา ข้าพเจ้าผู้เดียวจะเป็นผู้ไปขออนุญาตอาจารย์ใหญ่ให้นักเรียนไปดูภาพยนตร์ในเมืองได้ แต่ข้าพเจ้าต้องคุมไปและรับผิดชอบว่าภาพยนตร์เลิกแล้วต้องตรงกลับมาเข้าห้องนอนเป็นต้น ตัวอย่างที่ไม่ดี ค่อนข้างจะมีมาก นักเรียนคนใดประพฤติไม่ดีข้าพเจ้าต้องเป็นผู้สอดส่อง สั่งสอนตักเตือนและลงโทษ มีคราวหนึ่งนักเรียนของเราได้เกิดไปเล่นหูเล่นตากับนักเรียนหญิง โรงเรียน Wykeham Rise ในวัดวันอาทิตย์ และมีการส่งจดหมายถึงกัน อาจารย์ใหญ่โรงเรียนผู้หญิงทราบเรื่องเข้าจึงได้ฟ้องมา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนข้าพเจ้าเรียกประชุมครู และข้าพเจ้าต้องเป็นผู้แทนนักเรียนไปเข้าประชุมด้วย แกด่าเสียใหญ่ ข้าพเจ้าต้องรับอย่างหนัก เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง ถึงตอนนี้นักเรียนสองโรงเรียนนี้อดมีงานเต้นรำ และอดไปดูการแข่งขันกีฬาเสียนานจึงได้รับอนุญาตใหม่

๕๔. รายงานอาจารย์ใหญ่ถึงดูแลนักเรียนไทย

       เมื่อตอนที่ได้โอนมาเป็นนักเรียนหลวง อาจารย์ใหญ่ได้ส่งรายงานมายังพระยาเมธาธิบดี (ซึ่งเป็นผู้ดูแลนักเรียน) ถึงเรื่องข้าพเจ้าดังนี้ "He has been diligent and painstaking, but his grades have not been high…Pradit has gradually emerged from the position of a younger boy in the school to be the school leader. He is probably the most popular boy in the school, being chosen, The President of the Athletic Association and the Business Manager of the school paper "The Stray Shot." He is also the President of one of the school clubs, and takes a leading part in the matters which concern faculty and students." (เขาเป็นผู้ที่มีปฏิภาณดี และมีความมานะมาก แต่คะแนนของเขาไม่สู้จะสูง ประดิษฐ์ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นลำดับจากเด็กเล็กในโรงเรียนจนได้เป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน ตามความรู้สึกเข้าใจว่าเขาเป็นผู้ที่กว้างขวางที่สุดในโรงเรียนได้ถูกเลือกตั้งให้เป็นนายกองค์การกีฬาและผู้จัดการใหญ่ของหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน "Stray Shot" นอกจากนั้นเขายังเป็นนายกของสมาคมหนึ่งในโรงเรียนอีกด้วย และเขาต้องรับหน้าที่อันสำคัญในกิจการที่เกี่ยวกับครูและนักเรียน) ซึ่งพระยาเมธาธิบดีได้แสดงความเห็นไว้ในสมุดซึ่งส่งมารายงานรัฐบาลต่อไปว่า "Such a boy shows merit of a sort that is perhaps in the end as valuable as that which high academic standing would indicate (เด็กเช่นนี้แสดงความดีให้เห็นได้ว่าในที่สุดจะต้องเป็นผู้มีค่าเท่าเทียมกับผู้ที่ศึกษาได้คะแนนดี)

๕๕. ได้รับประกาศนียบัตรจบหลักสูตรของโรงเรียน

       กลางเดือนมิถุนายน (๒๔๖๕) อายุได้ ๑๘ ปี ๑ เดือนเศษ ถึงวันงานประจำปี ของโรงเรียน เรียกว่า Commencement Day ซึ่งเป็นวันที่มีงานใหญ่พร้อมกับ Alumni Reunion (วันนักเรียนเก่ากลับมาพบปะกัน) Commencement Day คือวันแจกประกาศนียบัตรต่อนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรในปีนี้ คือพวก Senior Class มีผู้คนมาในพิธีนี้มาก นักเรียนเก่า ผู้ปกครอง บิดามารดาพี่น้องของนักเรียนมากันแน่นโรงเรียน รวมทั้งนักเรียนผู้หญิงจากโรงเรียน Wykeham Rise ด้วย ในพิธีแจกประกาศนียบัตรนี้ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็น President ของ Senior Class ข้าพเจ้าต้องลุกขึ้น Speech แทน Senior Class รู้สึกประหม่ามากเพราะไม่เคยต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าผู้คนมากๆ เช่นนี้ ข้อความที่ได้กล่าวไปก็คือแสดงความชอบใจและกล่าวชมโรงเรียนในทุกๆ ทาง และจะ miss อาจารย์ใหญ่และภรรยาในปีต่อไปโดยจะเปลี่ยนอาจารย์ใหญ่ ผู้ที่มาในงานนี้ทั้งหมดคงจะแปลกใจเหมือนกันว่านี้ก็เป็นประเทศอเมริกา โรงเรียนนี้ก็เป็นโรงเรียนอเมริกัน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ นักเรียนก็เป็นเด็กอเมริกันทั้งสิ้น นอกจาก ๒ คนเท่านั้น แต่ทำไมจึงมีเด็กต่างชาติต่างผิวคือเด็กไทยเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน เป็น President ของ Senior Class ฯลฯ เด็กอเมริกันดีๆ ไม่มีแล้วหรือ หรือไม่เด็กไทยคนนี้ต้องมีอะไรเป็นพิเศษ จึงได้รับการยกย่องจากบรรดานักเรียนทั้งหมด
        เมื่อข้าพเจ้าได้รับประกาศนียบัตรแล้วก็โล่งใจ บ่ายวันนั้นมีการแข่งขันเบสบอลกับนักเรียนเก่า กลางคืนมีเลี้ยงอาหารและเต้นรำ สนุกสนานกันมาก ข้าพเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงเรียน
        การศึกษาของข้าพเจ้าในโรงเรียนนี้มีวิชาภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ลาติน เลขพีชคณิต ตรีโกณมิติ เรขาคณิต ทั้ง Plane และ Solid ประวัติศาสตร์อเมริกัน
        ในคืนวันรุ่งขึ้นมีการแสดงละครของโรงเรียนซึ่งข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการ และในระหว่างพักเปลี่ยนฉากข้าพเจ้าได้เล่น Mandolin Duet กับนายเจียม ลิมปิชาติ เพลงที่เล่นคือ Beautiful Ohio, Bright Eyes และ The Sheik ได้ทราบว่าคนดูชอบกันมาก
        โรงเรียน "กันเนอรี่" นี้แม้จะเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนไม่มาก แต่ในทางกีฬาทุกๆ ชนิดแล้วนับว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงดีมากโรงเรียนหนึ่งในมลรัฐนี้ คือเราชนะเสมอ แม้โรงเรียนต่างๆ ที่เราเข้าแข่งขันด้วยจะเป็นโรงเรียนใหญ่ๆ มีนักเรียนหลายร้อยคน เราได้รักษาชื่อเสียงของเราดีอยู่เสมอ ผลของการแข่งขันฟุตบอล และบาสเกตบอลก็ได้กล่าวมาแล้ว

ผลของการแข่งขันเบสบอลประจำปีนี้ ปรากฏดังนี้

Gunnery 11 Canterbury 11
Gunnery 29 Woodbury 0
Gunnery 12 Litchfield 2
Gunnery 10 New Milford 0
Gunnery 28 Sanford 0
Gunnery 0 Salisbury 5
Gunnery 9 Watertown 8
Gunnery 16 Danbury 4
Gunnery 12 Ridgefield 6
Gunnery 14 Gilbert 1
Gunnery 6 Westminster 1
Gunnery 13 Nangatuck 4
Gunnery 9 Requblic 3
Gunnery 5 Wilby 2
Gunnery 12 Alumni 5
Gunnery 24 Washington 5
Gunnery 0 Crosby 9
Gunnery 13 Canterbury 8

๕๖. มิลเดรด

       ระหว่างโรงเรียนใกล้จะปิดสิ้นปีนี้ ข้าพเจ้าได้ชอบพอกับผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหญิงที่สวยมาก ชื่อ "มิลเดรด" อายุประมาณ ๑๖ ปี บ้านเขาอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียน ข้าพเจ้าได้ไปหาเขาเสมอ และได้ให้เข็ม Fraternity ของข้าพเจ้าคิด ธรรมเนียมอเมริกันนั้นถ้าชายใดให้เข็ม Fraternity ต่อหญิงคนใดหมายความว่าหญิงคนนั้นเป็นคู่รัก ในหน้าร้อนนี้ บิดาของมิลเดรดหางานเป็นคนขับรถของภรรยาผู้พิพากษาคนหนึ่งให้ เขาจะมาพักร้อนที่เมืองนี้ จะให้อาทิตย์ละ ๑๕ เหรียญ ตัวผู้พิพากษาประจำอยู่ที่นิวยอร์ค แต่ภรรยาและน้องสาวซึ่งมีอายุค่อนข้างมาก คือประมาณ ๖๐ ทั้งคู่ได้มาอยู่ประจำที่เมือง วอชิงตัน หน้าที่ของข้าพเจ้าก็ไม่สู้จะมากมายนัก เช้าโดยมากว่าง ตอนบ่ายไปทำหน้าที่ขับรถเพราะนายจ้างชอบขี่รถเล่น ๒-๓ ชั่วโมง และในอาทิตย์หนึ่งก็ต้องไปรับผู้พิพากษาที่เมืองนิวมิลฟอร์ด ครั้งหนึ่ง ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๑๕ ไมล์ กลางคืนโดยมาก็ว่าง และบางวันนายจ้างยังอนุญาตให้เอารถไปเที่ยวได้ด้วย ขณะนี้ข้าพเจ้าได้พักอยู่ที่บ้านบิดามารดาของเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อ Stuart Schmeidel ครอบครัวนี้เขาดีต่อข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าได้พามิลเดรดไปเต้นรำที่ Lake Waramaug สองสามครั้ง ที่นี้อยู่ห่างจากเมืองวอชิงตันประมาณ ๑๐ ไมล์ เป็นศาลาเล็กๆ อยู่ริมสระน้ำ ผู้ที่มาเต้นรำ ณ ที่นี้โดยมากเป็นชาวเมืองใกล้เคียง จะมีพวกมาตากอากาศหน้าร้อนจากที่อื่นๆ ก็เป็นส่วนน้อย ที่นี่สนุกสนานเป็นกันเองมาก เพราะโดยมากเป็นคนรู้จักกัน
        บิดาของมิลเดรดเป็นหัวหน้าใหญ่ ดูแลสถานที่ของโรงเรียนกันเนอรีทั้งหมดเป็นเวลานานมาแล้ว ข้าพเจ้าได้เคยเห็นมิลเดรดตั้ง แต่ปีแรกที่ข้าพเจ้ามาเข้าโรงเรียน ซึ่งเวลานั้นเขามีอายุเพียง ๑๑-๑๒ ปี เพราะเขาได้มาดูการแข่งขันกีฬาทุกชนิดและทุกเกม การอยู่บ้านนอกไม่มีอะไรจะทำ ฉะนั้นวันใดโรงเรียนมีการแข่งขันกีฬาแล้วรู้สึกว่าผู้คนในเมืองแตกตื่นมาดูกันมาก มิลเดรดเองก็รู้จักตัวข้าพเจ้ามานานแล้วเหมือนกัน แต่เราไม่เคยติดต่อกันเลย มาปีนี้เขาโตเป็นสาวและสวยมาก รู้สึกว่านักเรียนในโรงเรียนนี้เริ่มจะเอาใจใส่กันหลายคน ข้าพเจ้าก็เคยมองๆด้วยความทึ่งอย่างมากเหมือนกัน แต่ไม่กล้าติดต่อกับเขาก่อน จนวันดีวันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากเขาชมเชยการเล่นกีฬาของข้าพเจ้าจึงเป็นโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ติดต่อกับเขา ต่อมาภายหลังก็ได้ไปหาที่บ้านเขาบ่อยๆ ตอน โรงเรียนปิดแล้วเขาได้เชิญข้าพเจ้าไปรับประทานอาหารแทบทุกวัน พ่อแม่เขาก็ดีต่อข้าพเจ้ามากไม่แสดงรังเกียจอะไรเลย ยังให้ข้าพเจ้าเรียกแม่เขาว่า "แม่" อีกด้วย
        เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ประเทศอเมริกานี้เรียกกันว่าโลกใหม่ คนพื้นเมืองในประเทศนี้เป็นชาวอินเดียน ซึ่งเราเรียกว่าอเมริกันอินเดียนหรืออินเดียนแดง คือรูปร่างหน้าตา ภาษาที่พูดและนิสัย ฯลฯ ไม่เหมือนกับแขกอินเดียนในประเทศอินเดีย คนจำพวกนี้นับวันนับจะหมดไป เท่าที่มีเหลืออยู่เล็กน้อยก็ถอยไปอยู่ในที่ๆไม่ค่อยจะมีคนไปส่วนฝรั่งที่เรียกว่าอเมริกันนั้นไม่มีเชื้อชาติ ฝรั่งเหล่านี้ก็คือฝรั่งในทวีปยุโรปซึ่งมาตั้งภูมิลำเนาในประเทศนี้ ฉะนั้นชาวอเมริกันจึงเป็นชาวที่มีเลือดผสมมากที่สุด มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน สวิดิช สแปนิช ไอริช ฮอลันดา ฯลฯ เวลาที่เราพบและ รู้จักก็เป็นอเมริกันทั้งนั้น แต่สำเนียงชื่อสกุลเท่านั้นจะเป็นข้อสังเกตว่าผู้นั้นเชื้อชาติเดิมเป็นอะไร แต่อย่างไรก็ดีสำหรับตระกูลใดที่มาอยู่ในอเมริกาหลายสิบปีแล้วมี Spirit เป็นอเมริกันแท้ ที่เขาชมกันว่าผู้หญิงอเมริกันสวยมากก็เห็นจะเป็นด้วยเรื่องเลือดผสมนี้เป็นเหตุหนึ่ง ส่วนที่ชมกันว่ารูปร่างดีก็เป็นด้วยผู้หญิงในอเมริกาชอบเล่นกีฬากันหมด
        อย่างมิลเดรดนี้ต้นตระกูลของเขาเป็นเชื้อชาติชาวสวิดิช ฉะนั้นเธอจึงมีผมเป็นสีทอง ดวงตาสีน้ำเงิน และผิวงาม เขาได้สอนให้พูดภาษาสวิดิชคำหนึ่ง คือคำว่า ฉันรักเธอ ซึ่งว่า ยอก อลัสกา ดิก ข้าพเจ้ายังจำคำนี้ได้ดี
        ระหว่างที่กำลังชอบพออยู่กับมิลเดรดนี้เป็นเวลาที่เพลง MA (แม่) กำลัง Popular มิลเดรดเรียกมารดาเขาว่า MA และให้ข้าพเจ้าเรียกอย่างเดียวกับที่เขาเรียก จึงบังเอิญพอเหมาะกัน ฉะนั้นในเวลาต่อๆมาเมื่อข้าพเจ้าได้ยินเพลง MA ที่ใดก็ต้องนึกถึงมิลเดรดทุกครั้ง
        ชาวอเมริกันมีความคิดฝังอยู่ในหัวเขาอยู่อย่างหนึ่ง คือความเสมอภาค คือเขาคิดว่าคนเราทุกคนที่เกิดมาก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น ต้องกินต้องนอนต้องสนุกร่าเริงและทุกคนก็มีจมูก มีปาก มีหู มีตา มีเท้า ฉะนั้นขออย่างดูถูกกัน ให้ถือว่าเป็น human ด้วยกันทั้งสิ้น นี้และหลัก equality ซึ่งเป็นหลักสำคัญของเขา ที่กล่าวนี้ก็เฉพาะชาวอเมริกันด้วยกันเท่านั้น ส่วนสำหรับชาวนิโกรแล้ว แม้จะมีเลือดนิโกรอยู่เพียงหนึ่งหยดก็ต้องอยู่นอกหลักเกณฑ์ที่กล่าวนี้ คือ ถูกดูถูกอย่างสิ้นดีทีเดียว และสำหรับชาวตะวันออกอย่างคนไทยเรา ถ้าไม่รู้จักกันแล้วก็ไม่ยอมให้อยู่ในหลักเกณฑ์อันนี้ด้วย แต่ถ้ารู้จักเป็นที่คุ้นเคยกันแล้วก็ได้รับความยกเว้น

๕๗. สรุปชีวิตที่อยู่ในโรงเรียนกันเนอรี

       ขอสรุปชีวิตที่อยู่โรงเรียนกันเนอรี ๔ ปี คือตั้งแต่อายุ ๑๔ ถึง ๑๘ ปี รู้สึกว่าเป็นชีวิตที่ได้รับความรู้ ได้รับความสุขและความเพลิดเพลินจะลืมเสียมิได้ โรงเรียนตั้งอยู่นอกเมืองและตั้งอยู่บนภูเขา อากาศสบายตลอดปี เช้ากลางวันเรียนหนังสือ บ่ายเล่นกีฬา กลางคืนท่องหนังสือ ได้รับการอบรม ได้ถูกฝึกนิสัยให้ทำอะไรด้วยตนเอง ได้เพื่อนรักที่ดี ได้รู้จักนิสัยใจคอของเด็กและผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีของอเมริกันอย่างที่จะเรียนรู้จากที่อื่นได้ยาก และก็ได้ทำตัวจนเป็นที่รักใคร่และนับถือของนักเรียนและครูทุกคน ดังปรากฏตามที่เล่ามาแล้ว
        ในเวลาโรงเรียนหยุดย่อยๆ เช่นหยุด ๒ วัน ๓ วัน พวกเพื่อนที่ชอบพอกันก็มักจะชวนให้ไปพักที่บ้านเขา ไปรู้จักกับพ่อแม่พี่น้องเขา เขาได้เลี้ยงดู ได้พาเที่ยวพาไปรู้จักครอบครัวอื่นๆ และ ได้ยกย่องข้าพเจ้าเป็นอย่างดี คราวหนึ่ง Jacob Merrial ได้เชิญไปพักที่บ้านเขาที่ Waterbury ในมลรัฐคอนเนคติกัต อีกคราวหนึ่ง Robert และ Frank Whiting ได้เชิญไปพักที่บ้านเขาซึ่งใหญ่โตมาก เกือบจะเป็นปราสาทได้ทีเดียว อยู่ใกล้ๆกับเมือง Bridgeport ในมลรัฐเดียวกันนี้ ทั้งสองแห่งพ่อแม่เขาได้ รับรองข้าพเจ้าเป็นอย่างดี
        วันอาทิตย์บ่ายๆ มักชวนเพื่อนๆ ไปเดินเล่นในป่า ขึ้นเขาลงห้วยตั้งหลายๆไมล์ ในฤดูใบไม้ร่วงต้นแอปเปิลตามถนนและในป่าออกผลสะพรั่งเต็มไปหมด เราเก็บรับประทานกันอย่างสนุกสนาน บางทีเดินลงห้วยไปตามลำธารเล็กลำธารน้อย ไปพบโรงกลั่นแอปเปิลเป็น Cider เจ้าของก็ชวนให้รับประทาน ชาวอเมริกันรู้จักกันง่าย เฉพาะอย่างยิ่งตามชนบทเช่นนี้ และเขาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เสมอ บางคราวก็ปีนเข้าไปในบ้านพักหน้าร้อนของพวกเศรษฐี ซึ่งมีอยู่หลายบ้านตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองนี้ และไม่มีใครเฝ้าอยู่เลย เครื่องตบแต่งก็เอาผ้าคลุมไว้ เราเข้าไปในครัวเห็นมีแยมใส่ขวดไว้มากมาย บางทีก็ช่วยรับประทานเสียบ้าง พอถึงฤดูหนาวสถานที่ต่างๆและต้นไม้เต็มไปด้วยหิมะซึ่งแลดูงามมาก
        การที่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกในสมาคมก็ทำให้ได้รับความรู้อีกมากมาย ได้สนิทชิดเชื้อกับเด็กอเมริกันเหมือนกับเป็นเด็กอเมริกันเอง จริงอยู่ตอนจะเข้าต้องลำบากตรากตรำมาก แต่เมื่อได้เข้าไปแล้วได้เล่นสนุกกับพวกที่เข้าใหม่ๆ ภายหลังเราเสียจนคุ้มเหมือนกัน
        ระหว่างนี้ได้ทราบข่าวและรับรูปภาพถ่ายจากกรุงเทพฯ ว่าบิดาข้าพเจ้าได้ทำบุญอายุครบรอบ ๖๐ ปี เป็นงานใหญ่มาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เสด็จที่บ้าน มีการเลี้ยงใหญ่ มีดนตรีวงใหญ่ทั้งไทยและฝรั่ง มีการแสดงละคร ภาพยนตร์ ฯลฯ สำหรับการเลี้ยงนั้นเขาเล่ากันว่า ในเรือนครัวถูกเรียกสำรับอาหารคราวหนึ่งๆ เป็นร้อยๆ สำรับ ขณะนั้นบิดาข้าพเจ้ากำลังมีบุญมาก

กลับที่เรี่มต้น
กลับไปสารบัญ